เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ส.ค. เกิดสถานการณ์ความรุนแรงโหมขึ้นอีกครั้งในรัฐยะไข่ พื้นที่ความขัดแย้งทางเชื้อชาติที่ยืดเยื้อ ทางตะวันตกของประเทศพม่า มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดยเฉพาะฝ่ายกองกำลังติดอาวุธที่ถูกทหารไล่ปราบ ภายในวันเดียวถูกสังหารไปถึง 77 ราย สูงสุดตั้งแต่มีการปราบปรามมา

ภาพจาก ARAKAN TV

แถลงการณ์ของสำนักงานที่ปรึกษาแห่งรัฐของนางออง ซาน ซู จี แจ้งเพิ่มจำนวนยอดผู้เสียชีวิต หลังเกิดเหตุกลุ่มมุสลิมโรฮิงยาสายสุดโต่งราว 120 คนโจมตีด่านตำรวจมากกว่า 20 แห่งในรัฐยะไข่ ซึ่งกองทัพนำกำลังออกปะทะ ว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 89 ราย เป็นผู้ก่อการร้าย 77 ราย เจ้าหน้าตำรวจ และทหารรวม 12 นาย

สภาพเมืองหม่องดอว์ เมื่อ 25 ส.ค. ราวกับเมืองร้าง / AFP PHOTO / WAI MOE

ด้านเว็บไซต์ข่าวบีดีนิวส์ 24 ของบังกลาเทศ ระบุว่า กลุ่มติดอาวุธชาวมุสลิมโรฮิงยานำกำลังสุ่มล้อมด่านตำรวจ 24 แห่งเมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา จากนั้นลงมือโจมตีพร้อมกัน และพยายามบุกเข้าไปในค่ายทหาร แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากกองทัพไหวตัวทันและส่งกำลังทหารออกปราบปรามกลุ่มติดอาวุธ

ARAKAN TV

อย่างไรก็ตาม ทางการพม่ายังไม่ชี้ชัดว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายเป็นสมาชิกของกองทัพกอบกู้โรฮิงยารัฐยะไข่ (เออาร์เอสเอ) ซึ่งมีแหล่งซ่องสุมกำลังอยู่บนภูเขาเมยู ทางตอนเหนือของรัฐยะไข่

เมืองหม่องดอว์ ตกอยู่ในสภาพเป็นเมืองร้าง / AFP PHOTO / WAI MOE

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นราว 3 สัปดาห์หลังกรณีสังหารหมู่ 6 ศพชนเผ่าเมียว ชนกลุ่มน้อยชาวพุทธในหมู่บ้านคายยีในเมืองหม่องดอว์ เมื่อต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา จนนำไปสู่การประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งปราบปรามกลุ่มมุสลิมสุดโต่งในพื้นที่

Arakan News TV รายงานภาพชาวบ้านพุทธที่ถูกสังหาร

อย่างไรก็ตาม นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการพิเศษเพื่อแก้ไขความแตกแยกทางเชื้อชาติและศาสนาในรัฐยะไข่ เพิ่งเตือนให้รัฐบาลเร่งลงมือแก้วิกฤต ผ่อนคลายการคุมเข้ม อย่าผลักดันให้กลุ่มโรฮิงยาถูกกดขี่ผันไปสู่การตั้งกลุ่มสุดโต่ง

เหตุการณ์ยังเกิดขึ้นเกือบ 1 ปีให้หลังเหตุตำรวจ 9 นายถูกสังหารจากการโจมตีด่านตรวจชายแดนเมื่อเดือนต.ค.2559 ซึ่งทำให้กองทัพเปิดปฏิบัติการกวาดล้างมุสลิมโรฮิงยาสายสุดโต่ง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 106 ราย และอีกกว่า 87,000 คนต้องอพยพหนีตาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน