จีนสั่งปิดด่านสกัดโควิดจากพม่า – เมื่อวันที่ 15 ก.ย. เอเอฟพีรายงานความคืบหน้าสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ว่า ส่วนปกครองท้องถิ่นเมืองรุยลี่ มณฑลยูนนาน ทางภาคตะวันตกของประเทศจีน จุดผ่านแดนที่สำคัญต่อกับประเทศพม่า ประกาศปิดด่านและพรมแดนอย่างไม่มีกำหนดแล้ว หลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ซาร์ส 2 จำนวน 3 คน ข้ามมาจากพม่า ซึ่งทางการจีนกำลังอยู่ระหว่างการค้นหาตัวและจับกุมชาวพม่าที่ลักลอบเข้าเมือง

แถลงการณ์สภาเมืองรุยลี่ระบุว่า จะไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปออกจากเคหสถาน และ ล็อกดาวน์การเดินทางเข้าออกเมืองรุยลี่

People receive nucleic acid tests on Tuesday at a community testing site in Ruili, Yunnan province. Photo: The Paper

รวมทั้งให้ยุติการดำเนินธุรกิจทั้งหมด ยกเว้นซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา และตลาดขายอาหาร โดยทางเทศบาลจะดำเนินการตรวจหาผู้ติดเชื้อต่อพลเมืองทั้งหมดกว่า 210,000 คนทันที เพื่อค้นหาว่าการระบาดแพร่ออกไปหรือไปหรือยัง

รายงานระบุว่า จุดผ่านแดนดังกล่าวมีแม่น้ำตื้นๆ เป็นเขตแดนทางธรรมชาติ อยู่ตรงข้ามเมืองหมู่เจ้ รัฐฉาน ของประเทศพม่า ซึ่งกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเกิดกระแสความตื่นกลัวในหมู่ชาวพม่าที่บางส่วนพยายามหนีออกไปยังชาติ เพื่อนบ้าน ในจำนวนนี้รวมถึงประเทศไทยด้วย

นายหยาง เปี๋ยนเฉียง รองนายกเทศมนตรีเมืองรุยลี่กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับกุมและส่งตัวกลับต่อบุคคลต่างด้าวทุกคนที่ไม่สามารถให้ความชัดเจนเกี่ยวกับวันเวลาที่เดินทางเข้ามา หรือไม่มีที่พัก หรือไม่มีงานประจำ ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขกลางของจีนระบุว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 7 คน ทั้งหมดเดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ

เศรษฐกิจเอเชียถดถอยครั้งแรกรอบ 60 ปี

วันเดียวกัน ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี แถลงถึงสถานการณ์เศรษฐกิจว่า สมญาภูมิภาคเอเชียที่ว่าๆ เอเชียแห่งการพัฒนา” ถูกทำลายลงแล้วจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 เศรษฐกิจของชาติในทวีปเอเชียเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี และคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้มูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งหมดของเอเชียติดลบอย่างน้อยร้อยละ 0.7 ในปี 2563

อย่างไรก็ดี ทางเอดีบียังตั้งความหวังไว้ว่าเศรษฐกิจเอเชียจะฟื้นตัวรวดเร็วในปี 2564 และเป็นบวกอย่างน้อยร้อยละ 6.8 แต่เอดีบีเตือนว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้นจะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของมาตรการชะลอการระบาดของโรคโควิด-19 เป็นหลัก

การคาดการณ์ของเอดีบีเกิดขึ้นหลังการตัดสินใจปรับตัวเลขการหดตัวของเศรษฐกิจเอเชียลงอีกร้อยละ 0.1 โดยนายยาสุยูกิ ซาวาดะ ผู้อำนวยการแผนกนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า ประเทศแถบเอเชียแปซิฟิกทุกชาติจะต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างยิ่งในการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียใต้

ขณะที่จีนจะเป็นชาติที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เพราะยังมีจีดีพีเป็นบวกร้อยละ 1.8 ขณะที่อินเดียนั้นจะมีจีดีพีติดลบร้อยละ 9 ฉุดจีดีพีของเอเชียใต้ให้ติดลบถึงร้อยละ 3.8

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน