วาฬหลังค่อมรอดแล้ว ออสซี่โล่งอกหลังว่ายหลงเข้าถิ่นไอ้เคี่ยม
วาฬหลังค่อมรอดแล้ว – วันที่ 21 ก.ย. ซีเอ็นเอ็นรายงานความโล่งอกของประชาคมโลกหลังปลาวาฬหลังค่อมที่ว่ายหลงเข้ามาในแม่น้ำทางภาคเหนือของประเทศออสเตรเลียเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ สามารถว่ายกลับออกสู่ทะเลได้สำเร็จแล้วโดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือใดๆ
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังทางการออสเตรเลียพบวาฬหลังค่อมจำนวน 3 ตัว ว่ายหลงเข้ามาจากอ่าววาน ไดเม็น เข้าสู่แม่น้ำอีสต์ อัลลิเกเตอร์ ริเวอร์ ที่อุทยานแห่งชาติคาคาดู ในแคว้นนอร์ทเธิร์น เทอร์ริทอรี ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ชุกชุมของจระเข้น้ำกร่อยขนาดใหญ่
กรณีที่เกิดขึ้นสร้างความกังวลพวกมันอาจตกเป็นเหยื่ออันโอชะจากการรุมโจมตีของจระเข้ หรืออาจถูกเรือใหญ่ชน โดยต่อมาพบว่าวาฬจำนวน 2 ตัวนั้นว่ายกลับออกไปแล้ว เหลือเพียงตัวสุดท้าย ทำให้เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามตำแหน่งของมันอย่างใกล้ชิด
นายฟีช โมยลี อธิบดีกรมอุทยานแห่งแคว้นนอร์ทเธิร์น เทอร์ริทอรี กล่าวว่า หลังจากเฝ้าติดตามมาได้ระยะหนึ่ง ตนมีความยินดีจะแจ้งว่าวาฬตัวสุดท้ายอาศัยช่วงน้ำทะเลหนุน ว่ายกลับออกสู่อ่าววาน ไดเม็นได้สำเร็จแล้ว โดยที่ไม่ได้มีการช่วยเหลือใดๆ จากมนุษย์
ด้านดร.แครอล พัลเมอร์ ผู้เชี่ยวชาญจากรัฐบาลออสเตรเลีย ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่เจ้าหน้าที่คาดหวังไว้ โดยเหตุในทำนองนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องออกแบบแผนให้ความช่วยเหลือกันยกใหญ่ แต่เคราะห์ดีที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี
รายงานระบุว่า จระเข้น้ำกร่อย ถือเป็นสัตว์นักล่าที่มีอันตรายมาก เคยมีประวัติจู่โจมทำร้ายมนุษย์ โดยแม่น้ำอีสต์ อัลลิเกเตอร์ ริเวอร์ มีพวกมันอยู่ชุกชุม ตั้งแต่ปากแม่น้ำเข้ามาในแผ่นอินใหญ่ถึง 160 กิโลเมตร
ข้อมูลจากอุทยานแห่งชาติคาคาดู ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ระบุว่า จระเข้น้ำเค็มเหล่านี้สามารถซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำได้เป็นเวลานานมาก
นอกจากนี้ ยังสามารถเคลื่อนที่ระหว่างอำพรางตัวได้ มีอัตราเร็วในการเคลื่อนที่สูงถึง 12.1 เมตรต่อวินาที เวลาจู่โจมเหยื่อระยะใกล้
ทั้งนี้ ระหว่างเดือนเม.ย. ถึงพ.ย. ชายั่งด้านตะวันออกของออสเตรเลียจะเต็มไปด้วยฝูงวาฬหลังที่ขึ้นมาผสมพันธุ์ในทะเลอุ่น ก่อนกลับไปหากินต่อยังมหาสมุทรแอนตาร์กติก (ขั้วโลกใต้)