เมื่อวันที่ 28 ต.ค. เอเอฟพี รายงานสถานการณ์การระบาดหนักของโควิด-19 ที่ยุโรปว่า เยอรมนีเริ่มเผชิญปัญหาที่โรงพยาบาลหลายแห่งไม่เหลือเตียงรองรับผู้ป่วยวิกฤต หรือไอซียู ทำให้ นางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประชุมหารือกับบรรดาผู้ว่าการรัฐต่างๆ และมีแนวโน้มจะใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างไม่เต็มรูปแบบ หรือที่สื่อเยอรมันพากันเรียก “ล็อกดาวน์ ไลต์”
ได้แก่ ระงับบริการร้านอาหารและสถานบันเทิงชั่วคราว จำกัดอย่างเข้มงวดจำนวนผู้ชุมนุมเป็นการส่วนตัวและสาธารณะ แต่ยังอนุญาตให้สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ และร้านค้าทั่วไป เปิดบริการได้ภายใต้มาตรการป้องกันของรัฐ
อย่างไรก็ตาม กฎหมายกำหนดให้ผู้ว่าการรัฐเป็นผู้พิจารณาบังคับใช้ จึงอาจถูกต่อต้านจากรัฐที่การระบาดไม่รุนแรง เนื่องจากเกรงจะเกิดผลกระทบเศรษฐกิจมากเกินไป เช่น รัฐทือริงเงิน ผู้ว่าการรัฐที่มีแนวคิดการเมืองเอียงซ้ายเคยให้สัมภาษณ์สื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับมาตรการล็อกดาวน์ ไลต์
เยอรมนีเป็นหนึ่งในชาติที่รับมือกับการระบาดของโควิด-19 ระลอกแรกได้ดีเยี่ยม แต่หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พบการระบาดระลอกใหม่ จนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยวันละกว่า 1 หมื่นคน และล่าสุดถึง 11,400 คน ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 463,419 คน เสียชีวิตแล้ว 10,121 ราย และหายป่วยแล้ว 327,697 คน แม้ยังเทียบไม่ได้กับชาติเพื่อนบ้านอย่าง ฝรั่งเศส ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละกว่า 5 หมื่นคน
แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือน หากไม่ดำเนินมาตรการชะลอการระบาดแล้วจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่จะเพิ่มแบบทวีคูณ คาดจะทะลุวันละ 2 หมื่นคนภายในสุดสัปดาห์นี้
สำหรับสถานการณ์ที่รัฐบาวาเรีย พื้นที่การระบาดรุนแรงสุดในเยอรมนี ใช้มาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบแล้วในพื้นที่ 2 แห่ง นายมาร์คัส โซเดอร์ ผู้ว่าการรัฐบาวาเรีย กล่าวว่า เวลาที่เยอรมนีจะสามารถสกัดกั้นการระบาดของคโควิด-19 ได้กำลังหมดลงแล้ว พร้อมเตือนให้รัฐอื่นๆ ดำเนินการอย่างเฉียบขาด “รีบทำเสียแต่ตอนนี้แต่เนิ่นๆ ดีกว่ามาทำตอนสายเกินไปแบบครึ่งๆ กลางๆ”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
งานวิจัยพบ ค้างคาวมีพฤติกรรม “เว้นระยะห่างทางสังคม” เมื่อรู้สึกป่วย