ประวัติ “โจ ไบเดน” จากคู่หูสู่ตัวจริง ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46
ประวัติ “โจ ไบเดน” – โจ ไบเดน วัย 77 ปี จากอดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสองสมัยของ บารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 44 ขยับขึ้นมาเป็น ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 แล้ว หลังเอาชนะ นายโดนัลด์ ทรัมป์ มาได้อย่างระทึก
จากรายงานของ บีบีซี เมื่อผลการนับคะแนนผ่านไป 45 จาก 50 รัฐ ไบเดนมีคะแนนคณะเลือกตั้งเกิน 270 เสียงแล้ว โดยรัฐที่ 45 เพนซิลเวเนีย ทำให้ไบเดนคว้าอิเล็กทอรัลโหวตหรือคณะผู้เลือกตั้ง 20 เสียง รวมแล้วเป็น 273 เสียง
นักการเมืองอาวุโสได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนจากพรรคเดโมเเครตท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ในฐานะผู้มีประสบการณ์ในเกมการเมืองมาหลายทศวรรษ ประชาชนเข้าถึงได้ แต่มีจุดอ่อนที่ถูกโจมตีเรื่องประวัติประพฤติไม่เหมาะสมกับผู้หญิงหลายครั้ง และลูกชายถูกครหา
……..
ประวัติย่อ (ข้อมูล AP)
เกิด 20 พฤศจิกายน 1942 (พ.ศ.2485) ที่เมืองสแครนตัน รัฐเพนซิลเวเนีย เป็นลูกคนโตของ โจเซฟ และจีน ไบเดน มีน้องสาวคนหนึ่งและน้องชาย 2 คน
เดิมพ่อเป็นเศรษฐีแต่ต่อมาประสบปัญหาการเงิน พ่อจึงพาครอบครัวย้ายไปอยู่รัฐเดลาแวร์เพื่อหางาน จนเริ่มตั้งตัวได้อีกครั้ง และอยู่ที่เดลาแวร์มานับแต่นั้น
สูง 183 เซนติเมตร
การศึกษา จบคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยซีราคิวส์ รัฐนิวยอร์ก ปี 2511 ก่อนหน้านั้นปี 2508 เรียนมหาวิทยาลัยเดลาแวร์
เส้นทางการเมือง – ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาเมืองนิวคาสเซิลปี 2513 จากนั้นปี 2515 ได้รับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกรัฐเดลาแวร์สมัยแรก โดยเป็นส.ว.ที่มีอายุน้อยอันดับ 6 ด้วยวัย 29 ปี
คู่สมรส จิลล์ ไบเดน (ตั้งแต่ พ.ศ.2520) ส่วนคนแรก นีลเลีย ฮันเตอร์ แต่งปี 2509 เสียชีวิตปี 2515
ลูก : โบ ลูกชายคนโต (เสียชีวิตแล้ว) ฮันเตอร์ ลูกชายคนรอง แอชลีย์ ลูกสาวคนเล็ก และ นาโอมิ คริสตินา (เสียชีวิตในอุบัติเหตุพร้อมแม่ ปี 2515)
หลาน : นาตาลี ไบเดน ฟินนีแกน ไบเดน โรเบิร์ต ไบเดนที่ 2 นาโอมิ ไบเดน และ เมซี ไบเดน
……..
ข้อมูลบนเว็บไซต์ ไบโอกราฟี ระบุว่าไบเดนเข้าสู่วงการการเมืองมายาวนาน จากการเป็นสมาชิกวุฒิสภา 7 สมัย นับจากครั้งแรกเมื่อปี 2516 เคยลงสมัครเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรกเมื่อปี 2530 ก่อนได้มาเป็นจริงๆ ในปี 2563
มีจุดเด่นเรื่องการพูดปราศรัยแบบไม่มีบท แม้ในช่วงวัยเด็กจะเผชิญกับปัญหา การพูดติดอ่าง แต่ไบเดนก็พยายามฝึกฝนอย่างหนักด้วยการพูดหน้ากระจกเป็นเวลาหลายเดือน จนในที่สุดก็สามารถก้าวข้ามความท้าทายและเลิกพูดติดอ่างได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังเข้าถึงใจชนชั้นแรงงานอเมริกัน มีความเป็นกันเอง มักทักทายผู้คน จับมือ ตบหลัง และให้ถ่ายเซลฟี่กับผู้คนอย่างเป็นกันเองราวกับดารา
จุดอ่อนเรื่องผู้หญิง
แต่การใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวกับผู้คนมากเกินไปก็เป็นปัญหา โดยเฉพาะกับผู้หญิง
จากข้อมูลบีบีซี ถึงวันนี้มีสตรี 8 คนแล้วที่กล่าวหาว่าไบเดน สัมผัส กอด และจูบ พวกเธออย่างไม่เหมาะสม ทั้งมีคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่าไบเดนถึงเนื้อถึงตัวผู้หญิงเวลาออกงานสังคม ซึ่งรวมไปถึงการชอบดมผมผู้หญิงด้วย
กรณีนี้ ไบเดนให้คำมั่นสัญญาว่าจะระมัดระวังในการปฏิสัมพันธ์มากขึ้น
เมื่อเดือน มี.ค. ทารา รีด อดีตผู้ช่วยของไบเดน กล่าวหาว่าไบเดนล่วงละเมิดทางเพศเธอเมื่อ 30 ปีก่อน ท่ามกลางกระแสรณรงค์ #MeToo ให้เหยื่อออกมาเปิดเผยเรื่องราวให้สังคมรับทราบ ไบเดนเอง เคยย้ำว่าสังคมควรจะเชื่อคำบอกเล่าของผู้หญิง แต่ครั้งนี้เมื่อเจอเข้ากับตัว ไบเดนปฏิเสธว่าเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
คู่หูคนโปรดของโอบามา
ไบเดน ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีอยู่ 8 ปี และช่วงสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง มีเซอร์ไพรส์จากประธานาธิบดีโอบามา ที่มอบเหรียญแห่งเสรีภาพของประธานาธิบดี เกียรติยศชั้นสูงสุดสำหรับพลเรือนอเมริกันให้
กระทั่งการเลือกตั้ง 2020 ครั้งนี้ โอบามาก็ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยไบเดนโกยคะแนนเสียงด้วย ซึ่งไบเดนได้คะแนนนิยมค่อนข้างสูงจากชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ไบเดนเกือบเสียท่า เมื่อไปกล่าวในรายการวิทยุของ ชาร์ลามาจ์น ธา ก็อด ดีเจผิวดำ ว่า “ถ้ายังคิดไม่ออกว่าจะสนับสนุนผมหรือทรัมป์ ก็แปลว่าคุณก็ไม่ใช่คนผิวดำ”
ประโยคดังกล่าวทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย จนทำให้ทีมงานของเขาต้องรีบออกมาย้ำว่าไบเดนเห็นค่าของคะแนนเสียงจากชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน
เคยสูญเสียลูกเมีย-ลูกชายอื้อฉาว
สำหรับชีวิตส่วนตัว ไบเดนเผชิญโศกนาฏกรรมครอบครัว ปี 2515 ภรรยาคนแรกเสียชีวิตพร้อมลูกสาวจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกชาย 2 คนบาดเจ็บ ช่วงเวลานั้นไบเดนกำลังจะได้เป็นสมาชิกวุฒิสภาสมัยแรก ทำให้ผู้คนสงสารและเห็นใจมาก
ต่อมา โบ ลูกชายคนโต เสียชีวิตด้วยอาการเนื้องอกในสมอง ในวัย 46 ปี ส่วนลูกชายคนรอง ฮันเตอร์ ตกเป็นข่าวกรณีอื้อฉาวมากมาย ไม่ว่ากินเหล้าเมายา และเข้าไปพัวพันกรณีทุจริตกับมหาเศรษฐีด้านพลังงานชาวจีน และถูกครหาอย่างหนักว่าเข้าไปทำธุรกิจแบบไม่สุจริต ที่ประเทศยูเครน
กรณีนี้ถูกโหมสะพัด ว่านายทรัมป์โทรไปหาประธานาธิบดีคนใหม่ของยูเครน ให้ช่วยผลักดันการสอบสวนโจ ไบเดน รวมถึงตัวฮันเตอร์ว่าไปพัวพันในข้อหาทุจริตหรือไม่ จนเป็นปมที่ทรัมป์ถูกยื่นถอดถอนในสภาว่า ใช้อำนาจในทางมิชอบ แต่ทรัมป์รอดพ้นการถูกอิมพีชเมนต์ในสภาสูง
กระทั่งได้มาสู้ศึกกันจังๆ กับไบเดน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2020 ที่ลงเอยด้วยชัยชนะของไบเดน
ผู้เคยกล่าวว่า “ผมตายตาหลับได้โดยไม่ต้องเป็นประธานาธิบดี“
แต่ตอนนี้มีภารกิจใหญ่หลวงที่จะต้องเป็นประธานาธิบดีเต็มตัวแล้ว
………………
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :