พายุฝนเยือกแข็งถาโถม – วันที่ 23 พ.ย. ไซบีเรียน ไทม์ รายงานผลพวงสภาพอากาศโหดร้ายในเมืองวลาดีวอสตอค ทางตะวันออกไกลของรัสเซีย ทำให้คนไร้บ้านเสียชีวิตในบริเวณลานของมหาวิหารโปครอฟสกี กลางใจเมือง ภายหลังถูกน้ำแข็งจาก พายุฝนเยือกแข็ง เกาะตัวราวกับถูกฝังในสุสานน้ำแข็ง
ผู้เสียชีวิตเป็นชายวัย 60 ปี ถูกพบเมื่อช่วงเช้ามืดวันศุกร์ที่ 20 พ.ย. ตำรวจยืนยันไม่มีร่องรอยถูกทำร้ายเสียชีวิตตามร่างกาย คาดว่าผู้ตายกำลังเดินเข้าไปหลบหนาวในมหาวิหาร แต่เสียชีวิตก่อนถึงประตูมหาวิหารเพียงไม่กี่เมตร
เยฟกีนี ผู้ดูแลมหาวิหารแห่งนี้ บอกกับ คอมโซมอลสกายา ปราฟดา ว่า ศพอยู่ใกล้ทางเข้ามหาวิหารในสภาพแข็งตาย เป็นคนไร้บ้าน เคยเข้ามาภายในมหาวิหารสองครั้ง
“เท่าที่ผมทราบเขาเคยเข้าร่วมโครงการฟื้นฟูสำหรับคนไร้บ้าน แต่เขากลับมามีนิสัยตามเดิม น่าเศร้าเกือบทุกฤดูกาลที่ผมเห็นภาพน่ากลัวเช่นนี้…เมื่อปีก่อนพบผู้เสียชีวิต 5 คน ในลานแห่งนี้ภายหลังที่พายุไซโคลนคล้ายๆ กันพัดถล่มเข้ามา” เยฟกีนีกล่าว
ทั้งนี้ ทางการเมืองวลาดีวอสตอคและรอบดินแดนปรีมอเรีย ชายฝั่งแปซิฟิกของรัสเซีย ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน ภายหลังเผชิญอากาศเลวร้ายติดต่อกันหลายวัน ทั้งฝนน้ำแข็ง ลมกระโชก และอุณหภูมิเยือกแข็งฉับพลัน
ทำให้น้ำแข็งเกาะตัวตามสิ่งปลูกสร้าง รถยนต์ สายไฟฟ้า และต้นไม้ ด้วยอุณหภูมิลดลงอย่างน่าตกใจระหว่าง -1 ถึง -6 องศาเซลเซียส ประชากร 120,000 คน ในเมืองวลาดีวอสตอคและรอบดินแดนปรีโมเรีย แบ่งออกเป็น 98,000 คน ต้องอยู่โดยไร้ไฟฟ้า ส่วนอีก 18,000 คน ต้องอยู่โดยไร้ทั้งไฟฟ้าและเครื่องทำความร้อน รัฐบาลท้องถิ่นระบุต้องใช้เวลามากกว่า 3 วันในการซ่อมแซมไฟฟ้า นอกจากนี้ ประชาชนต้องใช้น้ำที่อุณหภูมิ -1 องศาเซลเซียส
ระบบขนส่งในเมืองและดินแดนเป็นอัมพาต ต้นไม้นับร้อยต้นล้มขวางถนนสายต่างๆ เที่ยวบินและรถไฟต้องล่าช้าออกไป รวมถึงบริการรถไฟชื่อก้องโลกอย่าง ทรานส์-ไซบีเรีย เชื่อมต่อฝั่งตะวันออก จากเมืองวลาดีวอสตอค สู่ฝั่งตะวันตกในกรุงมอสโก
ส่วน สะพานรุสสกี สะพานเคเบิลยาวที่สุดในโลกด้วยความยาว 1,103 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งแห่งเดียวระหว่างเมืองวลาดีวอสตอคและเกาะรุสสกี จำเป็นต้องปิดบริการเนื่องจากฝนน้ำแข็งเกาะตัวตามเคเบิลสะพานอย่างหนาแน่น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
รถเมล์กลายเป็นตู้เย็น แช่ผู้โดยสารรัสเซีย 40 นาที หนาวติดลบ -26องศา