ทรัมป์ระดมสาวกยัน – วันที่ 12 พ.ย. บีบีซี รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา กดดันให้ นายไบรอัน เคมป์ ผู้ว่าการรัฐจอร์เจีย เพื่อช่วยพลิกผลการเลือกตั้งในรัฐดังกล่าว ซึ่ง นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 เป็นผู้ชนะ ด้วยการเรียกร้องให้นายเคมป์จัดการประชุมวาระพิเศษของสภานิติบัญญัติของรัฐจอร์เจีย

วอชิงตันโพสต์ อ้างแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์โทรศัพท์หานายเคมป์เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 5 ธ.ค. เรียกร้องการตรวจสอบลายเซ็นผู้เลือกตั้งทางไปรษณีย์ แต่นายเคมป์ปฏิเสธคำขอดังกล่าว เนื่องจากไม่มีอำนาจสั่งการตรวจสอบ

ที่ผ่านมา นายทรัมป์กล่าวหามาตลอดการเลือกตั้งว่า จำนวนบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์เกินมา เป็นการโกงขนานใหญ่ แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันเรื่องนี้

ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตข้อความกดดันผู้ว่าการรัฐจอร์เจีย ระบุว่า “ผมจะชนะรัฐจอร์เจียได้ง่ายดายและรวดเร็ว หากผู้ว่าการรัฐ ไบรอัน เคมป์ หรือเลขาธิการรัฐ อนุญาตการตรวจสอบลายเซ็นง่ายๆ…แต่ทำไมนักการเมือง “รีพับลิกัน” สองคนนี้บอกปฏิเสธ?”

นายเคมป์ทวีตข้อความกลับว่า เขาเรียกร้องต่อสาธารณะตรวจสอบลายเซ็นผู้เลือกตั้งทางไปรษณีย์ 3 ครั้งแล้ว ทำให้นายทรัมป์ตอบโต้ด้วยการเรียกร้องการประชุมวาระพิเศษของสภานิติบัญญัติรัฐจอร์เจีย

 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนหาเสียงในรัฐจอร์เจียสำหรับการเลือกตั้งวุฒิสภารอบสองที่จะเกิดขึ้น เอเอฟพี รายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ยังแสดงจุดยืนชัดเจนต่อข้อกล่าวหาการโกงเลือกตั้งครั้งมโหฬาร

แม้ว่าฝ่ายกฎหมายของนายทรัมป์จะถูกศาลในหลายรัฐยกคำร้อง และการนับคะแนนใหม่โดยคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งในหลายรัฐบ่งชี้ชัดเจนว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้คะแนนน้อยกว่าอดีตรอง ประธานาธิบดีไบเดน แต่นายทรัมป์ยืนยันไม่ว่าทางใดทางหนึ่งตนจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้

สุนทรพจน์ดังกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์มีขึ้นต่อบรรดาผู้สนับสนุนที่เมืองวัลโดสตา รัฐจอร์เจีย ซึ่งนายทรัมป์เดินทางไปให้กำลังใจผู้ลงสมัครวุฒิสมาชิก 2 คน จากพรรครีพับลิกัน แต่นายทรัมป์ระบุว่า “พวกเรากำลังจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว” และว่า “พวกมันโกง มันกำหนดผลการเลือกตั้งมาแล้วแต่แรก”

รายงานระบุว่า การชุมนุมดังกล่าวไม่มีการเว้นระยะห่างทางสังคมของบรรดาผู้สนับสนุนนายทรัมป์ และแทบไม่มีผู้สวมใส่หน้ากากอนามัย

แม้ว่าสหรัฐกำลังเผชิญกับการระบาดรุนแรงของโรคโควิด-19 มากที่สุดในโลก และห้องไอซียูในโรงพยาบาลเกือบทุกแห่งไม่มีเตียงเหลือ ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ของสหรัฐกำลังเหน็ดเหนื่อยจนใกล้ถึงขีดจำกัดแล้วก็ตาม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน