เผยภาพวุ่นบนเครื่องบิน ผู้โดยสารช่วยทำซีพีอาร์คนป่วยโควิด

เผยภาพวุ่นบนเครื่องบินเดลีเมล์ รายงานว่า จากเหตุการณ์ผู้โดยสารเครื่องบินยูไนเต็ด แอร์ไลนส์ เสียชีวิตด้วยอาการป่วยโรคโควิด-19 เมื่อ 14 ธ.ค. ระหว่างการบินภายในประเทศสหรัฐอเมริกา ล่าสุดมีภาพเผยแพร่นาทีโกลาหลบนเครื่องดังกล่าว เป็นจังหวะก่อนผู้ป่วยรายนี้สิ้นใจ มีผู้โดยสาร 3 คนรุดเข้าช่วย พยายามทำซีพีอาร์ให้ แม้จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อก็ตาม

 

ภาพที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย เผยให้เห็นอาการตื่นตระหนกของผู้โดยสารหลายคนตามที่นั่งหลายจุดบนเครื่องที่บินจากเมืองออแลนโดไปยังนครลอสแองเจลิส แต่ลงจอดฉุกเฉินที่เมืองนิวออร์ลีนส์ เนื่องจากมีผู้โดยสารชายที่มากับภรรยาเกิดอาการหายใจไม่ออก

เมื่อหน่วยกู้ชีพรุดขึ้นไปช่วยผู้ป่วยชายคนดังกล่าวบนเครื่อง จุดที่นั่ง 28D มีผู้โดยสารที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินว่า ภรรยาของชายคนนี้บอกกับหน่วยกู้ชีพว่า สามีมีอาการป่วยโควิด-19 ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เพราะไม่ได้กลิ่นและไม่รับรู้รสชาติอาหาร แต่ก่อนขึ้นเครื่องสามีภรรยาไม่ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่สายการบินก่อน และสายการบินอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าทั้งสองอาจให้ข้อมูลเท็จกับเจ้าหน้าที่ด้วย

เผยภาพวุ่นบนเครื่องบิน

ด้านผู้โดยสารคนที่นั่งใกล้สามีภรรยาคู่นี้ เผยว่าเห็นชายผู้ป่วยตัวสั่นและเหงื่อออก ตั้งแต่เครื่องออกด้วยซ้ำ กระทั่งเมื่อเครื่องบินขึ้นแล้ว อาการก็แย่ลงอีก ต่อมากัปตันจึงตัดสินใจนำเครื่องลดจอดฉุกเฉิน ระหว่างนั้นลูกเรือถามคนบนเครื่องว่า มีผู้โดยสารคนใดเป็นหมอที่พอจะช่วยได้หรือไม่ ปรากฏว่ามีคนอาสาจำนวนหนึ่ง

ระหว่างการทำซีพีอาร์ มีคนเผยว่าได้ยินเสียงกระดูกผู้ป่วยชายแตกร้าวเนื่องจากแรงอัดที่ปอด ก่อนที่สีหน้าชายคนนี้จะซีดไป

นายโทนี อัลดาปา ผู้โดยสารคนหนึ่งที่เข้าไปช่วยทำซีพีอาร์ให้ เผยเรื่องราวทางทวิตเตอร์ ว่า ตอนนั้นตนลุกจากที่นั่งและบอกว่า “ผมรู้วิธีซีพีอาร์นะ ต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า ผมช่วยปั๊มหัวใจได้” จากนั้นตนก็เข้าไปช่วย ใช้เวลาราว 45 นาที หน่วยกู้ชีพจึงขึ้นมาบนเครื่อง

นายอัลดาปากล่าวว่า การผายปอดดังกล่าวไม่ได้มีวิธีประกบปาก เพราะชายผู้ป่วยสวมหน้ากากออกซิเจนจากเครื่องบินอยู่แล้ว ตนและผู้โดยสารอีก 2 คน พยายามจะช่วยชีวิตผู้โดยสารคนนี้อยู่พักใหญ่ กระทั่งเครื่องลงจอด และยังช่วยต่อเมื่อหน่วยกู้ชีพสนามบินเดินทางมาถึง

เผยภาพวุ่นบนเครื่องบิน

นายโทนี อัลดาปา

ผมรู้ว่ามีความเสี่ยงในการทำซีพีอาร์ให้คนที่อาจป่วยโควิด แต่ผมก็ต้องช่วยน่ะนะ แม้ว่าตอนนั้นภรรยาของผู้ป่วยไม่ได้พูดว่า สามีติดเชื้อโควิดอยู่ แต่บอกว่าสามีมีนัดจะไปตรวจโควิดที่ลอสแองเจลิส” นายอัลปาดากล่าว และว่าตนเองรอผลตรวจรอบสองว่าตนติดเชื้อจากการเข้าไปช่วยด้วยหรือไม่

“พอหวนคิดกลับไป ผมคงจะไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำหรอก เพียงแต่อยากเข้าไปช่วยให้เร็วกว่านี้ เพราะผมมีประสบการณ์และเคยฝึกช่วยมาก่อน ผมคงไม่นั่งดูดาย ปล่อยให้ใครตายหรอก” ผู้โดยสารหนุ่มกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน