ผู้นำ2สภาสหรัฐ เดินหน้าไล่ปลดทรัมป์ ชี้ไม่ควรอยู่ต่อแม้แต่วันเดียว
ผู้นำ2สภาสหรัฐ – เหตุการณ์ม็อบคลั่งสนับสนุน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ บุกอาคารรัฐสภา กลางกรุงวอชิงตัน ลงเอยมีผู้เสียชีวิตถึง 5 ราย สร้างความอับอายขายหน้าให้สหรัฐอเมริกาแก่ประชาคมโลก และทำให้เกิดกระแสเรียกร้องให้ปลดนายทรัมป์ให้จากผู้นำประเทศทันที แม้จะเหลือเวลาอีกไม่กี่วันที่จะพ้นวาระ วันที่ 20 ม.ค. นี้
หลังเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลก เจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยอาคารรัฐสภา หรือ ยูเอส แคปิตอล ลาออกแล้วอย่างน้อย 3 นาย หลังผลสอบสวนพบว่าตำรวจรัฐสภาปฏิเสธข้อเสนอจากกองกำลังเนชันแนลการ์ดที่จะมาช่วยต้านทานม็อบในทีแรก เพราะประเมินว่าจะเป็นเพียงการชุมนุมแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพเท่านั้น
เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลาง หรือ เอฟบีไอ เรียกเหตุการณ์นี้ว่า “การโจมตีแบบก่อการร้าย” และยังมีเสียงวิจารณ์อีกมากมายว่า ทรัมป์ทำลายประเทศด้วยน้ำมือตนเอง แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะยอมแถลงว่าจะส่งผ่านอำนาจให้นายไบเดน
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนฯ สหรัฐกล่าวว่า การปล่อยให้นายทรัมป์อยู่ในอำนาจต่อไป “จะเป็นเรื่องสยองขวัญสำหรับอเมริกา” ส่วนนายชัก ชูเมอร์ ผู้นำพรรคเดโมเครติกในวุฒิสภา กล่าวว่า “การบุกโจมตีรัฐสภาครั้งนี้คือการก่อกบฏต่อสหรัฐอเมริกา ที่ยุยงโดยประธานาธิบดี ดังนั้น ทรัมป์ไม่ควรอยู่ในตำแหน่งอีกต่อไปแม้แต่เพียงวันเดียว”
บทบัญญัติที่ 25
ผู้นำทั้งสองสภาจากพรรคเดโมแครต เรียกร้องให้รัฐบาลใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 หรือ The 25th Amendment เปิดทางโอนอำนาจผู้นำให้รองประธานาธิบดี ซึ่งหมายถึง นายไมก์ เพนซ์ เพราะตัวประธานาธิบดีทรัมป์ไม่เหมาะสมที่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้
ในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ ยังไม่เคยมีประธานาธิบดีที่ยังอยู่ในตำแหน่งคนใดที่ถูกปลดจากตำแหน่งโดยใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ 25 นี้
ล่าสุดนี้มีสมาชิกพรรครีพับลิกันเห็นด้วยแล้วบ้าง ส่วนนางเพโลซีติดต่อขอคุยกับนายเพนซ์แล้วแต่ยังติดต่อไม่ได้ จึงกล่าวว่า หากครม.ไม่ใช้บทบัญญัตินี้ สภาผู้แทนจะเดินหน้าถอดถอนนายทรัมป์ต่อไป
เหตุผลที่ควรปลดทรัมป์
จากบทวิเคราะห์สถานการณ์ของสำนักข่าว เอพี กระแสกดดันให้ปลดนายทรัมป์ มาจากการที่นายทรัมป์เป็นคนราดน้ำมันลงบนกองไฟเอง
นายทรัมป์กล่าวกับผู้สนับสนุนให้ลุกฮือขึ้น “ต่อสู้” เพื่อหยุดการปล้นคะแนนเสียงเลือกตั้ง ด้วยการเดินขบวนบุกไปรัฐสภาขณะมีอารมณ์โกรธแค้น
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน นายทรัมป์ทวีตข้อความยุยงให้ผู้สนับสนุนประท้วงในกรุงวอชิงตัน วันที่ 6 มกราคมเพื่อแสดงพลังคัดค้านวาระการประชุมรับรองคะแนนคณะผู้เลือกตั้งที่ให้นายโจ ไบเดน ชนะคะแนนนายทรัมป์ โดยไม่สนใจว่าตนเองได้คะแนนจากประชาชน (ป๊อปปูลาร์โหวต) น้อยกว่านายไบเดนอยู่มาก เพราะคู่แข่งทิ้งห่างถึง 7 ล้านคะแนน
เมื่อถึงวันนัดหมาย กลุ่มผู้สนับสนุนนายทรัมป์บุกโจมตีอาคารรัฐสภา ทำให้ตำรวจต้องใช้แท่นที่นายไบเดนจะต้องยืนทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง และวางมือบนคัมภีร์ไบเบิล เป็นฐานยิงสเปรย์พริกไทยสลายฝูงชน
ขณะที่นายทรัมป์ใช้เวลาเกือบตลอดทั้งบ่ายอยู่ในห้องรับประทานอาหารส่วนตัวในห้องทำงานรูปไข่ ดูโทรทัศน์รายงานข่าวเหตุจลาจล ก่อนที่จะบันทึกเทปโทรทัศน์อย่างไม่เต็มใจนักเพื่อเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนรักษาสันติและกลับบ้าน แต่ก็ยังอ้างว่าถูกโกงเลือกตั้งและชมผู้ก่อจลาจลว่า “ผมรักคุณ พวกคุณพิเศษมากๆ”
หลังจากนั้น นายทรัมป์ทวีตข้อความแก้ต่างให้ม็อบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะชัยชนะอย่างถล่มทลายถูกพรากไปจากผู้จงรักภักดีต่อชาติ แต่กลับถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายและไม่ยุติธรรมมานาน
“ขอให้จดจำวันนี้เอาไว้และให้ถือว่าเป็นวันแห่งการฉลองชัยชนะมากกว่าการจลาจล” โพสต์ของนายทรัมป์ถูกลบออกจากทวิตเตอร์ไปในที่สุด
ด้านนายไบเดนกล่าวว่าสิ่งที่ต้องทำในขณะนี้และอีก 4 ปีข้างหน้า คือ การฟื้นฟูประชาธิปไตยและการเคารพกฎหมาย รวมทั้ง ทำให้การเมืองกลับไปสู่การแก้ปัญหา ไม่ใช่การกระพือความเกลียดชังและความสับสนวุ่นวายให้ลุกโชน
ส่วนนายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช อดีตประธานาธิบดีจากพรรคริพับลิกัน พรรคเดียวกับทรัมป์ กล่าวว่าผู้ก่อจลาจลทำลายชาติและชื่อเสียงของประเทศ
สองร้อยปีไม่เคยเจอแบบนี้
ด้าน จูเลียน เซลิเซอร์ ประธานสมาคมประวัติศาสตร์รัฐสภากล่าวว่าสภาคองเกรสเคยถูกโจมตีเมื่อปี 2357 หรือ 207 ปีก่อน โดยกองทัพอังกฤษบุกโจมตีและจุดไฟเผาระหว่างสงครามปี 2355
ครั้งล่าสุดนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นสงครามกลางเมืองที่ประธานาธิบดีเป็นคนเปิดสงครามขึ้นเองและเป็นการโจมตีรัฐบาลที่ประธานาธิบดีจุดไฟแห่งความแตกแยกและเรียกร้องให้ประท้วงและลุกลามเป็นเหตุความวุ่นวายซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในรัฐสภามาก่อน
ไมเคิล เบชลอสส์ นักวิชาการประวัติศาสตร์ประธานาธิบดี กล่าวสรุปเหตุการณ์นี้ว่า “้เป็นความพยายามก่อรัฐประหารที่ยุยงปลุกปั่นโดยประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา เราอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน ว่าประธานาธิบดีปลุกระดมให้ม็อบโค่นรัฐบาลของตัวเอง และนี่เป็นการต่อต้านอุดมการณ์แห่งประชาธิปไตยที่ประเทศยืนหยัดมาสองร้อยปี”
+++++++
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
เลือกตั้งสหรัฐฯ : เปิดบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 เครื่องมือปลด “ทรัมป์”