รอยยิ้มสุดท้ายจากผู้เคราะห์ร้าย บนเครื่องบินมรณะอินโดฯ 62 ชีวิต

รอยยิ้มสุดท้ายจากผู้เคราะห์ร้ายซีเอ็นเอ็น และ เดลีเมล์ รายงานโศกนาฏกรรมชีวิตผู้โดยสารบนเครื่องบินมรณะ บางคนส่งข้อความครั้งสุดท้ายและโพสต์รูปส่งยิ้มสุดท้าย ก่อนเครื่องบินดิ่งทะเล

นางราติห์ วินดาเนีย โพสต์รูปเซลฟีกับลูกและหลาน หัวเราะระหว่างนั่งบนเครื่องบินและเขียนข้อความจากบนเครื่องว่า “ลาก่อนครอบครัว เรากำลังมุ่งหน้ากลับบ้านตอนนี้”

นั่นเป็นข้อความปกติธรรมดาที่ชาวอินโดนีเซียส่งถึงครอบครัว

รอยยิ้มสุดท้ายจากผู้เคราะห์ร้าย

วินดาเนียยังมีทายาทน้อยอีกคนในท้อง อายุครรภ์ 4 เดือน การเดินทางนี้คุณแม่ของเด็กๆ พาลูกสาวอายุ 2 ขวบ ชื่อ ยุมนา และหลานชายอายุ 8 ขวบชื่อ ริอาวาน ไปเยี่ยมญาติ

ไอวาน พ่อของเด็กชายริอาวาน ผู้สูญเสียลูกชาย กล่าวว่า จริงๆ ทุกคนต้องเดินทางจากกรุงจาการ์ตาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. แต่ต้องล่าช้าออกไป เพราะต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 จนถึงวันเกิดเหตุ 9 ม.ค. จริงๆ แล้วจองเครื่องสายการบินนาม แอร์ ไว้ แต่เปลี่ยนมาเป็นศรีวิจายา โดยไม่ทราบว่าทำไมจึงเปลี่ยน

“นี่คือบททดสอบพวกเรา ผมหวังว่าลูกชายผมจะได้ไปยังที่ที่ดีกว่าในสวรรค์” ชายผู้สูญเสียลูกกล่าว

อธิษฐานให้พวกเราด้วย

ผู้สูญเสียอีกคน นายเออร์ฟานซิอาห์ ริยานโต น้องชายของ นางราติห์ ผู้จากไปพร้อมลูกๆ โพสต์ในอินสตาแกรมพร้อมรูปครอบครัวว่า “อธิษฐานให้พวกเราด้วย” พร้อมกับเล่าว่าก่อนหน้านี้ ครอบครัววางแผนจะเดินทางคนละเที่ยวบิน แต่เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย พ่อแม่ของตนก็อยู่บนเครื่องประสบเหตุด้วย

รอยยิ้มสุดท้ายจากผู้เคราะห์ร้าย

พี่สาวและลูกๆ ที่อยู่บนเครื่อง

สำหรับพี่สาวและลูก 2 คน สิ้นสุดการพักผ่อนระยะยาว 3 สัปดาห์และ กำลังจะกลับบ้านในเมืองปนติอานัก บนเกาะกาลิมันตันตะวันตก ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวง 740 กิโลเมตร แต่กลับประสบเหตุร้ายที่เกิดขึ้นเร็วมากจนยังไม่ได้ทำใจ

ภรรยาส่งข้อความสุดท้ายบอกอากาศไม่ดี

ผู้เคราะห์ร้ายอีกราย คือ นางปันคา วิดิยา นูร์ซานติ ครูโรงเรียนมัธยมในปนติอานักเพิ่งกลับจากการพักผ่อนในบ้านเกิดที่เมืองเทกัลในชวากลาง

นายราฟิค ยูซัฟ อัล อัลรัส สามี เล่าว่าได้รับการติดต่อครั้งสุดท้ายจากภรรยา เป็นภาพหัวเราะส่งมาให้

รอยยิ้มสุดท้ายจากผู้เคราะห์ร้าย

“ผมยังพูดติดตลกว่าเมื่อภรรยามาถึงปนติอานัก เราจะกินสะเตะด้วยกัน” ส่วนภรรรยาติดต่อมาผ่านแอปพลิเคชัน Whatsapp เมื่อเวลา 14.05 นาที ส่งรูปหัวเราะมาให้ดูตอนอยู่บนเครื่องบินแล้วและบอกว่าสภาพอากาศไม่ดี ผมกล่าวว่าอธิษฐานให้มากๆ ไว้นะ”

สามีภรรยาไปร่วมงานศพ

สำหรับคู่สามีภรรยาที่จากไปพร้อมกันบนเครื่องลำนี้ คือ นางอากุส มินาร์นี และ นายมูฮัมหมัด โคชิฟาตุล อามิน ทั้งสองเดินทางจากเกาะบอร์เนียวไปลงที่กรุงจาการ์ตา เพื่อไปร่วมงานศพพ่อของนายอามิน ที่เมืองโปโนโรโก และพักกับลูกชายคนหนึ่งที่เมืองนั้น

Married couple Muhammad Nur Kholifatul Amin and Agus Minarni are missing and feared dead after an Indonesian passenger plane crashed into the sea shortly after takeoff on Saturday.

ขากลับ เดิมทั้งสองจะได้ออกจาการ์ตา วันที่ 5 ม.ค. ด้วยสายการบินนามแอร์ แต่เมื่อถึงสนามบินแล้ว ต้องไปตรวจหาเชื้อโควิดและรอผลอีกสองวัน ทำให้ดีเลย์มาจนต้องมาขึ้นเครื่องศรีวิจายาแอร์ดังกล่าว

นายยูนุส น้องชายของนางอากุส กล่าวถึงพี่สาวด้วยความอาลัย ว่าเป็นคนใจดี มีน้ำใจมาก คอยดูแลน้องๆ และสมาชิกทุกคนอย่างดี ตอนนี้ตนจะดูแลลูกๆ ของทั้งสองซึ่งเป็นวัยรุ่นต่อไป และหวังจะได้ฝังร่างพี่อย่างเหมาะสม

ครอบครัว 5 คนที่มาเปลี่ยนเครื่อง

นายริซกี วาห์ยุดี อายุ 26 ปี และนางอินดาห์ ฮาลิมาห์ ปุตรี อายุ 26 ปีเท่ากัน เดินทางพร้อมลูกชายอายุ 7 เดือน รวมถึงแม่และลูกพี่ลูกน้องของฝ่ายชาย

วาห์ยุดีทำงานอยู่กับกรมป่าไม้ที่เมืองเคตาปัง จังหวัดกาลิมันตันตะวันตก มานาน 3 ปี ทริปครั้งนี้พาครอบครัวไปเยี่ยมญาติที่หมู่เกาะบังกลา แต่ทั้งหมด 5 ชีวิตประสบเคราะห์ร้ายในครั้งนี้ ระหว่างมาเปลี่ยนเครื่องที่กรุงจาการ์ตาเพื่อกลับบ้าน

ครอบครัวนายวาห์ยุดี / Rizki Wahyudi, 26, and his wife Indah Halimah Putri, 26, with their 7 month old son, Arkana Nadhif Wahyudi.

เครื่องบินโบอิ้ง 737-500 สายการบินศรีวิจายา เที่ยวบิน SJ182 ที่ประสบเหตุขึ้นบินล่าช้าเป็นชั่วโมง ก่อนที่จะเทกออฟเมื่อเวลา 14.36 น. แต่เครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์ 4 นาที จังหวะดิ่งพรวดลงหมื่นฟุต หรือราว 3,000 เมตร ในเวลาน้อยกว่า 1 นาที

เครื่องบินลำดังกล่าวอายุการใช้งาน 26 ปี มีผู้โดยสาร 56 คน รวมทั้ง เด็ก 7 คนและทารก 3 คน และมีกัปตัน 2 คนกับลูกเรือ 4 คน

ขณะนี้ อินโดนีเซียระดมกำลังปฏิบัติการเก็บกู้ร่างผู้เคราะห์ร้ายและซากเครื่อง รวมถึงกล่องดำทั้ง 2 กล่องในทะเล

/////////////

อ่านข่าวก่อนหน้านี้ :

อึ้งจังหวะบินอินโดฯดิ่งหมื่นฟุต ลูกเรือคุยปกติ ไม่แจ้งฉุกเฉิน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน