เหตุการณ์ดินถล่มเกิดขึ้นในช่วงบ่ายของวันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา ในคาโมกิลหมู่บ้านชาวประมง และที่ตั้งของรีสอร์ทสำหรับนักท่องเที่ยว ใกล้เมืองเจนัวทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี ทำให้โลงศพที่อยู่ภายในสุสานริมหน้าผากว่า 200 ใบ ร่วงหล่นลงไปในทะเลหรือกองอยู่บริเวณริมผาเบื้องล่าง ที่อยู่ต่ำลงไปประมาณ 50 เมตร นอกจากนี้ยังมีโบสถ์น้อยสองแห่งพังทลายลงไปด้วย
ในตอนนี้มีความพยายามที่จะกู้โลงศพที่ล่วงหล่นลงไปให้ได้มากที่สุด เนื่องจากญาติของผู้ที่ถูกฝังลงไปนั้นกำลังเฝ้ารอ และมีความกังวลใจ ว่าพวกผู้คนที่พวกเขารักนั้นจะอยู่ในกลุ่มของโลงที่ร่วงลงไปหรือไม่ รายงานในท้องถิ่นชี้ให้เห็นถึงสาเหตุของดินถล่ม นั้นเป็นผลมาจากการกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นจากพายุลูกล่าสุดในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนที่พัดเข้าสู่อิตาลี
ชาวบ้านเล่าว่าพวกเขาได้ยินเสียงดินถล่ม เมื่อพวกเขาวิ่งไปดูที่บริเวณสุสานก่อนจะเห็นบางส่วนเริ่มทลายหายลงไปในทะเล บางคนก็ได้แสดงความโกรธจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะพวกเขาได้สูญเสียโลงบรรจุศพและเถ้ากระดูกของบุคคลอันเป็นที่รักไปอีกรอบ และเกิดความไม่พอใจเพราะมองว่าทางการแทบไม่ทำอะไร เพื่อย้ายโลงศพจากจุดที่รู้ว่าไม่ปลอดภัยก่อนหน้านี้
“ขาของฉันสั่นไปหมด มันเหมือนว่าพวกเขาต้องตายไปอีกครั้ง” “ทั้งปู่และพ่อของฉันพักอยู่ที่นี่ในส่วนที่ถล่มลงไป” “ฉันเสียคุณยายไป ไม่รู้ว่าฉันจะได้พบเธออีกมั้ย ฉันพยายามคิดว่าพ่อของฉันจะไม่ตกลงไปด้วย” ชาวบ้านกล่าวกับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ทั้งนี้สุสานคาโมกิลแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณหน้าผาและมีอายุกว่า 150 ปีแล้ว
ด้าน ฟรานเซสโก โอลีวาร์ นายกเทศมนตรีซึ่งเป็นนักธรณีวิทยา ได้กล่าวว่า แล้วมีความพยายามเสริมความแข็งแรงสุสานมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ดินถล่มคาดการณ์ได้ยาก ซึ่งส่วนที่พังทลายเป็นด้านข้างหน้าผา ดังนั้นโลงศพส่วนใหญ่น่าจะฝังอยู่ใต้กองดิน
และโชคดีอย่างมากที่สุสานแห่งนี้ปิดให้บริการแก่ประชาชนในวันจันทร์ ทำให้ไม่มีรายงานผู้ได้รับจากเหตุดินถล่มในครั้งนี้ สำหรับความพยายามในการเก็บกู้โลงศพเหล่านั้นยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมามีการเก็บกู้โลงศพได้แล้ว 10 ใบ และอยู่ในขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ชันสูตร เพื่อระบุตัวตนของศพที่เก็บกู้ขึ้นมาได้
ที่มา : dailymail