โควิด: เดนมาร์ก – วันที่ 11 มี.ค. เมโทร รายงานว่า เดนมาร์ก ระงับการใช้ วัคซีนต้านโควิด-19 ที่ผลิตโดย ออกซฟอร์ด-แอสตราเซเนกา และกำลังสอบสวนผลข้างเคียงร้ายแรงที่เป็นไปได้
หลังจากที่ผู้ป่วยหญิงชาวออสเตรียวัย 49 ปี เสียชีวิตจาก ปัญหาการแข็งตัวของเลือดรุนแรง หลังรับวัคซีนออกฟอร์ด-แอสตราเซเนกา นอกจากนี้ มีรายงานว่า ผู้ป่วยอีก 3 กรณี มีปัญหาการแข็งตัวของเลือดในเดนมาร์กด้วย
แม้จะยังไม่ทราบแน่ชัดว่า การฉีดวัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตราเซเนกาจะมีความเชื่อมโยงกับ ลิ่มเลือด หรือไม่ แต่สาธารณสุขเดนมาร์กระบุว่า กำลังดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อตรวจสอบรายงานดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบ
เมานุส เฮยูนิเก รัฐมนตรีสาธารณสุขเดนมาร์ก ทวีตข้อความว่า “สาธารณสุขระงับวัคซีนของแอสตราเซเนกา เป็นมาตรการป้องกันล่วงหน้า หลังพบสัญญาณผลข้างเคียงร้ายแรงที่เป็นไปได้ในรูปแบบของลิ่มเลือด ตอนนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามีความเชื่อมโยงกัน เราดำเนินการแต่เนิ่นๆ และต้องตรวจสอบอย่างละเอียด”
เดนมาร์กกลายเป็นประเทศล่าสุด ที่เหมือนกับอีก 5 ชาติ ที่ระงับวัคซีนแอสตราเซเนกา ได้แก่ ออสเตรีย เอสโตเนีย ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก และ ลัตเวีย
แต่ หน่วยงานยายุโรป (European Medicines Agency) ประกาศเมื่อวานว่า ไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนออกซฟอร์ดและการเสียชีวิตของผู้ป่วยหญิงออสเตรีย
Advertisement
อย่างไรก็ตาม กำลังมีการตรวจสอบคุณภาพของวัคซีนชุดดังกล่าวที่ฉีดให้ผู้ป่วยหญิงออสเตรีย โดยข้อมูลที่มีอยู่จนถึงตอนนี้ชี้ว่า จำนวนลิ่มเลือดอุดตันในผู้ป่วยได้รับวัคซีนจะไม่สูงกว่าที่พบในประชากรทั่วไป
ด้านแอสตราเซเนกาชี้แจงว่า วัคซีนของบริษัทอยู่ภายใต้การควบคุมคุณภาพเข้มงวดกวดขันและยังไม่มีการยืนยันว่ามีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรงเกี่ยวข้องกับวัคซีน และว่าติดต่อกับทางการออสเตรียและจะให้ความร่วมมือในการสอบสวนอย่างเต็มที่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
โควิด: อิตาลี ปิดกั้นการส่งออกวัคซีน “แอสตราเซเนกา” ไปออสเตรเลีย