รร.ญี่ปุ่นเตรียมหารือ หลังถูกวิจารณ์ ห้ามนร.ประถม ใส่ชุดชั้นใน เรียนพละฯ

รร.ญี่ปุ่นเตรียมหารือ หลังถูกวิจารณ์ ห้ามนร.ประถม ใส่ชุดชั้นใน เรียนพละฯ ห้ามทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย ด้วยเหตุผลด้านความสะอาด-สุขอนามัย

Mllelasouche blog

เมื่อวันที่ 12 มี.ค.64 เว็บไซต์ SoraNews24 นำเสนอข่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ คณะกรรมการการศึกษาประจำจังหวัดนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น ได้ขอให้โรงเรียนในเขตอำนาจ พิจารณาแก้ไขระเบียบการแต่งกายของนักเรียน หลังจากพบว่าโรงเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายส่วนใหญ่มีกฎระเบียบกำหนดสีของชุดชั้นในของนักเรียน ซึ่งทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับชุดชั้นในของนักเรียนกลับไม่ได้มีเพียงเรื่องเดียว

เมื่อวันอังคารที่ 9 มี.ค.64 ที่ผ่านมา เอริ ยามาดะ สภาชิกสภาเมืองคาวาซากิ จังหวัดคานางาวะ ประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการร้องเรียนไปยังสภาเมือง เนื่องจากเธอได้รับแจ้งการร้องทุกข์จากผู้ปกครองของเด็กวัยประถมศึกษา ว่ามีบางโรงเรียนในเขตเมืองคาวาซากิ ที่นักเรียนชั้นประถมจะไม่ได้รับอนุญาตให้สวมชุดชั้นใน ในวิชาพละศึกษา โดยกฎนี้ใช้กับทั้งเด็กชายและเด็กหญิง ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง 6 นั่นหมายความว่าเด็กผู้หญิงที่เข้าสู่วัยรุ่นแล้ว จะต้องถอดเสื้อชั้นในออกในวิชาพละศึกษาเช่นกัน

เอริ ยามาดะ กล่าวว่า เด็กวัยประถมอยู่ในวัยที่กำลังพัฒนาแนวคิดเรื่องเพศและกฎนี้จะส่งผลร้ายต่อเด็ก ๆ พร้อมกล่าวเสริมว่า เด็กหลายคนบอกพ่อแม่ว่า พวกเขาก็รู้สึกไม่ดีกับกฎดังกล่าวเช่นกัน

Japan Times

อย่างไรก็ตาม โรงเรียนได้อ้างว่า กฎระเบียบดังกล่าวมีเหตุผลด้านสุขภาพและสุขอนามัย เนื่องจากในชั่วโมงพละศึกษา กฎระเบียบดังกล่าวมีขึ้นเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องใส่ชุดชั้นในที่เปียกเหงื่อต่อไปทั้งวัน แต่เหตุผลดังกล่าวก็ถูกตีตกไปอย่างรวดเร็ว โดยผู้ปกครองกล่าวว่า ทำไมไม่บอกให้เด็ก ๆ นำชุดชั้นสำรองมาเปลี่ยนแทน แต่กลับสั่งห้าม

จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น “ถ้าโรงเรียนของลูก ๆ บอกว่าใส่ชุดชั้นในตอนคาบพละฯไม่ได้ ฉันจะย้ายลูกไปที่เขตการศึกษาใหม่ที่อนุญาต” , “พวกนิสัยเสียแบบไหนที่คิดกฎแปลกๆแบบนี้ขึ้นมา” , “ไม่น่าเชื่อว่ายุคนี้ยังมีกฎแบบนี้” เป็นต้น

เพื่อตอบสนองต่อการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกฎระเบียบที่ไม่สมเหตุสมผล มิตซูรุ โอดาชิมะ ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาของเมืองคาวาซากิ ระบุว่า ตนเข้าใจว่าโรงเรียนอาจคำนึงถึงเรื่องสุขภาพของนักเรียนเป็นสำคัญเพียงอย่างเดียว แต่โรงเรียนก็ควรมีกฎระเบียบที่เหมาะสมและคำนึงถึงความรู้สึกของนักเรียนด้วย