พายุทรายปกคลุมปักกิ่ง – วันที่ 15 มี.ค. เอพี รายงานว่า พายุทรายปกคลุมกรุงปักกิ่งและแนวกว้างทางเหนือของจีน นับเป็นพายุทรายเลวร้ายที่สุดของจีนในรอบสิบปี
ตึกระฟ้ากลางใจเมืองหลวงของจีนหายไปท่ามกลางฝุ่นและทรายที่ปกคลุมท้องฟ้า ส่งผลให้จราจรติดขัด และมากกว่า 400 เที่ยวบิน จากสนามบินหลักสองแห่งของกรุงปักกิ่ง ต้องถูกยกเลิกการเดินทาง ท่ามกลางกระแสลมแรงและทัศนวิสัยต่ำ
ศูนย์อุตนิยมวิทยาแห่งชาติจีนระบุว่า พายุทรายมาจากทะเลทรายโกบีในภูมิภาคมองโกเลียใน ที่นั่นโรงเรียนหลายแห่งได้รับคำแนะนำปิดการเรียนการสอน และเพิ่มบริการรถประจำทางเพื่อลดความเสี่ยงของผู้อยู่อาศัยต่อสภาพอากาศเลวร้าย
พายุทรายดังกล่าวเคยเกิดขึ้นเป็นประจำในฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากทรายจากทะเลทรายทางตะวันตกพัดไปทางตะวันออก ส่งผลกระทบไปไกลถึงพื้นที่ทางเหนือของญี่ปุ่น
แม้ว่าการปลูกต้นไม้และพุ่มไม้จำนวนมากในพื้นที่เปราะบางจะช่วยลดผลกระทบต่อพื้นที่อื่นของประเทศในไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่การขยายตัวของเมืองและอุตสาหกรรมพร้อม การทำเหมืองแร่แถบ และ การเลี้ยงปุศสัตว์บนผืนดินมากเกินไป สร้างแรงกดดันต่อเนื่องต่อสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศจีน
และด้วยการผสมผสานของทะเลทรายและทุ่งหญ้าสเตปป์ ภูมิภาคมองโกเลียในมีแนวโน้มอย่างยิ่งที่จะเกิดสภาพอากาศรุนแรง เป็นผลมาจากการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากร
โจว จินเฟิง เลขาธิการใหญ่ มูลนิธิอนุรักษ์ความหลากหลายชีวภาพและการพัฒนาสีเขียวของจีน ระบุว่า พายุทรายเป็นเครื่องเตือนใจถึงความจำเป็นต้องเคารพธรรมชาติ เช่นเดียวกับ โควิด-19 ที่เชื่อกันว่าระบาดมาจากค้างคาวและสัตว์ป่าอื่นๆ
“เช่นเดียวกับโรคระบาดใหญ่ พายุทรายเป็นอีกบทเรียนใหญ่ที่เราควรได้รับและควรเปลี่ยนพฤติกรรมของเรา” โจวกล่าว
ศูนย์อุตนิยมวิทยาแห่งชาติจีนพยากรณ์ว่า พายุทรายและฝุ่นจะส่งผลกระทบ 12 มณฑล และภูมิภาค ตั้งแต่ เขตปกครองตนเองซินเจียง ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ถึง มณฑลเฮย์หลงเจียง ทางตะวันออกเฉียงเหนือ และ นครเทียนจิน เมืองท่าชายฝั่งตะวันออก
“นี่เป็นสภาพอากาศที่มีพายุทรายรุนแรงสุดที่ประเทศเราพบในรอบ 10 ปี และครอบคลุมพื้นที่กว้างที่สุด” เว็บไซต์ศูนย์อุตนิยมวิทยาแห่งชาติจีนระบุ
ไม่มีความชัดเจนว่า พายุทรายดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคุณภาพอากาศลดลงเมื่อเร็วๆ นี้หรือไม่ แม้จะมีความพยายามยุติหมอกควันที่ทำให้คนในกรุงปักกิ่งสำลัก
พรรคคอมมิวนิสต์จีนให้คำมั่นจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อหน่วยผลผลิตเศรษฐกิจลง 18% ช่วง 5 ปีข้างหน้า นักสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า จีนจำเป็นต้องลดการพึ่งพาถ่านหินมากกว่านี้ ซึ่งทำให้จีนเป็นผู้ปล่อยก๊าซที่เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรายใหญ่ที่สุดในโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ท้องฟ้าฝรั่งเศสเปลี่ยนเป็นสีส้ม ฝุ่นทรายจาก “ซาฮารา” พัดข้ามมาทวีปยุโรป