ตะกวดตัวยักษ์ที่เดินไปเดินมาหน้าบ้านพักของนักศึกษารายหนึ่ง สร้างความตกตะลึงให้กับชาวเน็ตต่างชาติเป็นอย่างมาก ที่คาดไม่ถึงว่าจะเจออะไรแบบนี้ และบอกว่ามันคือไดโนเสาร์แห่งออสเตรเลีย

อิซาเบล ไรอัน วัย 18 ปี นักศึกษาแลกเปลี่ยนที่อาศัยอยู่ในย่านชานเมืองของวอร์ริกัล ในรัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย ขณะที่เธอกำลังเรียนอยู่ที่บ้านขณะนั้นเธอก็เหลือบไปมองเห็นบางสิ่งบางอย่างบริเวณประตูกระจกของเธอ ก่อนจะพบว่ามีสัตว์เลื้อยคลานขนาดยักษ์อยู่ที่ประตูบ้านของเธอ และมันพยายามที่จะเข้ามาในบริเวณบ้านให้ได้

อิซาเบลได้บันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ และเมื่อเธอขยับตัวเข้าไปใกล้กับกระจกมากขึ้น ตะกวด ตัวยักษ์ก็แสดงทีท่าจะพุ่งเข้ามาแต่โชคดีที่มีกระจกขวางระหว่างมันกับเธอเอาไว้ “บอกฉันว่าคุณอยู่ในออสเตรเลีย โดยที่ไม่ต้องบอกว่าคุณอยู่ในออสเตรเลียสิ” อิซาเบลกล่าว เพราะเรื่องราวดังกล่าวคงจะไม่เกิดขึ้นในประเทศเช่นนี้แน่ แม้ว่าภายในบ้านจะมีสุนัขอยู่ถึง 2 ตัว แต่ตะกวดตัวนี้ก็ไม่แสดงทีท่าตกใจกลัวแต่อย่างไร ไม่ว่าพวกมันจะพยายามเห่าและขู่ไล่แค่ไหนก็ตาม

จนกระทั่งตะกวดเริ่มเอาตัววางขึ้นบนกระจก และเอากรงเล็บขนาดใหญ่ของมันวางเอาไว้ ก่อนจะมองจ้องมาที่สุนัขทั้งสอง อิซาเบลก็ตะโกนร้องด้วยความตกใจว่า “สถานที่ที่ฉันอยู่นี่มันคืออะไร” เธอกล่าวก่อนจะเริ่มตั้งคำถามว่าตะกวดยักษ์ตัวนี้แข็งแรงพอที่จะทำลายกระจกได้หรือไม่ และเริ่มบอกว่าเธอนั้นรู้สึกกลัว ในที่สุดตะกวดตัวนี้ก็ล่าถอยออกจากบ้านของเธอ และกลับเข้าป่าไปเหลือไว้เพียงความตกตะลึงของอิซาเบล

เธอกล่าวว่า เธอนั้นเคยเห็นสัตว์ป่าที่อยู่ใกล้ ๆ บ้านของเธอ แต่เธอไม่เคยเห็นตะกวดขนาดยักษ์ที่มีความยาวเกือบ 3 เมตรมาก่อนเลย “ปกติฉันจะเห็นพวกมันตามแนวรั้ว แต่ตัวนี้มันอยากรู้อยากเห็นมาก” อิซาเบลกล่าวว่าเธอเห็นตะกวดครั้งแรกเมื่อตอนที่เธอออกไปตามหาแมวของเธอข้างนอก ก่อนที่แมวจะไล่ตะกวดจนหนีขึ้นต้นไม้ไป

ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเธอได้เผยแพร่ลงติ๊กต็อกบัญชีของตัวเอง ซึ่งมีผู้เข้าชมแล้วกว่า 2 ล้านครั้ง ซึ่งชาวเน็ตจากหลากหลายประเทศได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมายถึงความน่ากลัวของประเทศออสเตรเลีย “ชาวออสเตรเลียอาศัยอยู่ในสวนสัตว์เปิดหรือไง?” “ทำไมไดโนเสาร์ถึงยังคงอยู่ในอสสเตรเลีย” “คุณอยู่ในจูราสสิค พาร์คหรอ” แน่นอนว่าไม่ได้มีแต่คนที่กลัวเท่านั้น บางคนก็บอกว่าตะกวดตัวนี้ช่างน่ารัก และบอกว่าพวกเขาอยากจะให้พวกมันอยู่แถวนี้ต่อไป

ที่มา : dailymail

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน