เมื่อวันที่ 7 พ.ย. เอเอฟพีรายงานว่า ศาลแขวงเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ตัดสินคดีสะเทือนขวัญคนในประเทศ ให้ประหารชีวิตนางจิซาโกะ คาเคฮิ อายุ 70 ปี เจ้าของฉายา “แมงมุมแม่ม่ายดำ” ตามความผิดในข้อหาเจตนาฆ่าสามี 3 คน ในจำนวนนี้มี 1 รายแต่งงานกันตามกฎหมาย และพยายามฆ่าชายคนที่ 4 ด้วยการวางยาพิษด้วยสารไซยาไนด์ในเครื่องดื่มเพื่อสังหารและเอาเงินประกันชีวิตมาใช้
การสอบสวนชี้ว่า นางคาเคฮิหลอกลวงชายสูงอายุมาแต่งงานด้วยเพื่อปองร้ายเอาเงินประกันจนตนเองมีฐานะร่ำรวย ทำให้สื่อตั้งฉายาจำเลยว่า แมงมุมแม่ม่ายดำ ซึ่งมีพฤติกรรมฆ่าตัวผู้ทิ้งหลังผสมพันธุ์เสร็จ
“จำเลยให้เหยื่อดื่มไซยาไนด์ด้วยเจตนาฆ่าทั้ง 4 กรณี โดยเตรียมการอย่างดี ด้วยความละโมบ เป็นพฤติกรรมที่มากเล่ห์เพทุบายเพื่อปองร้ายผู้ที่ไว้ใจจำเลย ศาลไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้บทลงโทษสูงสุด ” ผู้พิพากษาอายะโกะ นากะงะวะอ่านคำตัดสิน ตามด้วยบทลงโทษให้ประหารชีวิต
ขณะที่นางคาเคฮินั้นมีสีหน้าเรียบเฉยเมื่อได้ยินคำพิพากษา
ด้านทนายยื่นอุทธรณ์เพื่อต่อสู้คดี หลังจากพยายามโต้แย้งว่าจำเลยหญิงไม่ได้เจตนาก่อเหตุ แต่เป็นเพราะมีอาการสมองเสื่อม
คดีดังกล่าวมีผู้สนใจติดตามอย่างกว้างขวาง หลังไต่สวนอย่างมาราธอนมา 135 วัน กระทั่งวันตัดสินมีมากกว่า 560 คนเดินทางมายังศาลซึ่งมีเก้าอี้ภายในห้องพิจารณาคดี 51 ที่นั่ง
นางคาเคฮิสะสมเงินใช้จ่ายกว่า 1,000 ล้านเยน หรือราว 290 ล้านบาทในช่วง 10 ปี กระทั่งเสียเกือบทั้งหมดในการซื้อขายเงินในตลาด การสอบสวนพบว่าสตรีรายนี้นิยมเลือกเหยื่อที่สูงอายุและสุขภาพไม่ดี มีโรคประจำตัว แต่ฐานะร่ำรวยและไม่มีลูกหลาน ผ่านบริษัทจัดหาคู่
ในการวางยาพิษ นางคาเคฮิเก็บไซยาไนด์ส่วนหนึ่งไว้ในกระถางต้นไม้ แล้วค่อยเททิ้ง จากการชันสูตรพลิกศพ พบพิษในร่างเหยื่ออย่างน้อย 2 คน เชื่อมโยงกับสารไซยาไนด์ที่ตำรวจพบในถังขยะที่บ้านของหญิงรายนี้
เดิมนางคาเคฮิไม่ยอมเอ่ยปากใดๆ ในการไต่สวนของศาล กระทั่งหลุดโพล่งออกมาว่า สังหารสามีคนที่ 4 ในปี 2556 ว่า “ฉันฆ่าเขาเพราะว่าเขาไปให้เงินผู้หญิงคนอื่นเป็นสิบๆ ล้านเยน แต่ไม่ให้ฉันแม้แต่แดงเดียว”
จากนั้นยังบอกผู้พิพากษาว่า พร้อมแล้วที่จะให้แขวนคอได้เลยว่า “ถึงฉันถูกประหารวันพรุ่งนี้ ฉันจะตายแบบยิ้มไม่หุบ”