สีจิ้นผิงยันจีนไม่มีวันคิดครองโลก ย้ำกลไกสากลต้องเป็นกลางและยุติธรรม

สีจิ้นผิงยันจีนไม่มีวันคิดครองโลก – วันที่ 20 เม.ย. ซีเอ็นบีซีรายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวยืนยันว่าทางการจีนไม่มีวันคิดครอบครองโลกไม่ว่าจีนจะเติบโตและแข็งแกร่งเพียงใด พร้อมเรียกร้องให้กลไกสากลต้องมีความเป็นกลางและยุติธรรมกว่าที่เป็นอยู่

 

สุนทรพจน์ดังกล่าวของผู้นำจีนเกิดขึ้นในพิธีเปิดการประชุมโป๋อ่าวประจำปี 2564 เป็นการประชุมระดับโลกที่จัดโดยรัฐบาลจีน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้นำจากภาครัฐ และเอกชนจากจีนและทั่วโลก ที่มณฑลไหหนาน ประเทศจีน

“ไม่ว่าจีนจะแข็งแกร่งมากขึ้นเพียงใด จีนจะไม่มีวันคิดครอบครองโลก แผ่อำนาจอิทธิพล และแข่งขันทางแสนยานุภาพการทหาร” ประธานาธิบดีสี ระบุ

นอกจากนี้ ผู้นำจีนยังย้ำว่า จีนเป็นชาติผู้นำของโลกด้านโลกาภิวัฒน์และระบบการค้าแบบพหุภาคี และว่าระเบียบของโลกไม่ควรถูกกำหนดโดยชาติเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่กี่ชาติ

คำกล่าวของข้างต้นของประธานาธิบดีสี ยังเกิดขึ้นในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างทางการจีนกับรัฐบาลใหม่ของสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นด้วยความกระท่อนกระแท่น สืบเนื่องจากข้อครหาด้านสิทธิมนุษยชน การค้าที่ไม่เป็นธรรม รวมถึงความกังวลของหลายชาติต่อการแผ่อิทธิพลทางเศรษฐกิจ และทางทหาร ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของระเบียบโลกปัจจุบัน

รายงานระบุว่า ทางการจีนยังใช้มาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวต่อชาติอื่นที่แสดงพฤติกรรมต่อต้าน เช่น ออสเตรเลีย ซึ่งออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนการตั้งหน่วยสอบสวนนานาชาติเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงกรณีการรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 ที่พบการระบาดครั้งแรกที่นครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ก่อนจะลุกลามกลายเป็นการระบาดใหญ่ทั่วโลก

ประธานาธิบดีสี ระบุ (โดยไม่เอ่ยชื่อชาติใด) ว่าบรรดาชาติมหาอำนาจควรมีมารยาทและประพฤติตัวให้เหมาะสมกับฐานะ รวมทั้งมีความรับผิดชอบมากกว่าที่เป็นอยู่

ผู้นำจีนยังแสดงความไม่เห็นด้วยกับกรอบความคิดแบบสงครามเย็น และความขัดแย้งกันจากแนวคิดการปกครองที่แตกต่าง รวมทั้งระบุว่า ประเทศที่เที่ยวแทรกแซงกิจการภายในของชาติอื่นๆ นั้นไม่ควรได้รับการสนับสนุนจากประชาคมโลกด้วย

ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และชาติพันธมิตร เพิ่งเคลื่อนไหวแสดงความกังวลต่อปัญหาหลายประการของจีน อาทิ การยกระดับการเข้าครอบงำกิจการภายในฮ่องกงเพื่อกวาดล้างผู้เรียกร้องระบอบประชาธิปไตยเต็มใบ

ไปจนถึงข้อครหาร้ายแรงอย่างความพยายามทำลายชาติพันธุ์ของชาวมุสลิมอุยกูร์ และการละเมิดสิทธิมนุษยชนในมณฑลซินเกียง ขณะที่ทางการจีนยืนกรานปฏิเสธข้อครหาดังกล่าว และประณามการแทรกแซงกิจการภายในของจีนจากทางการสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำใหม่ของสหรัฐฯ ยังเคยระบุไว้ด้วยว่า จีนมีเป้าหมายภาพรวมเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่ง เป็นชาติร่ำรวยที่สุด และทรงอำนาจที่สุดในโลก ซึ่งผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ยืนยันว่า “ผมจะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นในยุคของผมแน่นอน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน