ตัดสินแล้วคดีจอร์จ ฟลอยด์ – เอพี รายงาน การตัดสินคดีใหญ่สะเทือนสังคมชาวอเมริกัน และปลุกการประท้วงต่อต้านการเหยียดสีผิวเชื้อชาติไปทั่วโลก จากเหตุการณ์ นายตำรวจ ดีเร็ก ชอวิน ใช้เข่ากดคอ นายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำ ถึงแก่ความตาย เมื่อเดือนพ.ค. 2563 ว่า คณะลูกขุนลงความเห็นว่าผู้ต้องหามีความผิด ทั้ง 3 ข้อหาฆาตกรรม
ทันทีที่คณะลูกขุนอ่านผลคำตัดสินในศาลเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินเนโซตา ว่าอดีตนายตำรวจชอวิน “มีความผิด” ตามข้อกล่าวหาฆาตกรรม และฆาตกรรมโดยประมาท ญาติและผู้สนับสนุนครอบครัวนายจอร์จ ฟลอยด์ ทั้งที่อยู่ในห้องพิจารณาคดีและที่ติดตามชมการถ่ายทอดสด ต่างแสดงอาการยินดีและร่ำไห้ด้วยความดีใจที่ได้รับความยุติธรรม มีหลายคนออกมาเฉลิมฉลองตามท้องถนน
ส่วนนายชอวินถูกใส่กุญแจมือไพล่หลัง และเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวออกจากศาลไปทันที คาดว่า คำพิพากษานี้จะทำให้จำเลยต้องติดคุกไปนานหลายสิบปี โดยมีบทลงโทษสูงสุด จำคุก 75 ปี ขณะที่นายเอริก เนลสัน ทนายจำเลย ไม่ให้ความเห็นใดๆ หลังการตัดสิน
หายใจได้อีกครั้ง
“วันนี้เราสามารถหายใจได้อีกครั้ง” นายฟิโลนิส ฟลอยด์ น้องชายของจอร์จ ฟลอยด์ กล่าวและร้องไห้ด้วยความดีใจระหว่างการแถลงข่าว
คดีนี้คณะลูกขุนประกอบด้วยคนผิวขาว 6 คน คนผิวดำและผิวสีอื่นๆ อีก 6 คน ใช้เวลาพิจารณาเนื้อหาการไต่สวนคดีนาน 10 ชั่วโมง ช่วง 2 วันมานี้ หลังใช้เวลาไต่สวนพยานหลักฐาน 14 วัน
กระทั่งได้คำตัดสินว่า นายชอวิน อดีตนายตำรวจที่ถูกไล่ออกหลังก่อเหตุ มีความผิดฐานฆาตกรรมระดับสอง (ฆาตกรรมจากเจตนาทำร้าย) ฆาตกรรมโดยผิดกฎหมาย (ฆาตกรรมระดับสาม) และฆาตกรรมโดยไม่เจตนา
ไบเดนย้ำต้องปฏิรูป
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กล่าวว่า คำพิพากษานี้อาจเป็นการก้าวเดินสู่ความยุติธรรมด้านสีผิวในอเมริกา แต่ยังไม่เพียงพอ และยังหยุดเพียงเท่านี้ไม่ได้ ชาวอเมริกันต้องร่วมกันเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงและปฏิรูป ต้องลดความเป็นไปได้ที่จะไม่ให้โศกนาฏกรรมแบบนี้เกิดขึ้นอีก
สำหรับเหตุการณ์นี้ นายจอร์จ ฟลอยด์ วัย 46 ปี ถูกแจ้งว่าใช้ธนบัตรปลอมซื้อของในร้านขายของชำ คัพ ฟูดส์ เมืองมินนีแอโพลิส นายตำรวจ ดีเรก ชอวิน วัย 45 ปี จากสำนักงานตำรวจมินนีอาโพลิส และพวก จึงเข้าจับกุม วันที่ 25 พ.ค. 2563
ระหว่างการจับกุม นายชอวินใช้หัวเข่ากดคอและล็อกไว้ในสภาพนั้นนานกว่า 9 นาที แม้ว่าจอร์จ ฟลอยด์ ร้องว่า “ผมหายใจไม่ออก” จนขาดใจตายในที่เกิดเหตุ
////
อ่านข่าวก่อนหน้านี้ :
ไต่สวนคดีจอร์จฟลอยด์ เผยดราม่าชีวิตสะเทือนใจ เขย่าสังคมอเมริกัน