บริษัท โคโลเนียล ไปป์ไลน์ ซึ่งเป็น บริษัท ระบบท่อส่งน้ำมัน ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ที่ทำหน้าที่ส่งน้ำมันไปยังฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ถูกโจมตีทางไซเบอร์
เมื่อวันที่ 9 พ.ค.64 สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า บริษัท โคโลเนียล ไปป์ไลน์ เกิดเหตุการณ์การโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบปิดท่อส่งน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ทำให้เสี่ยงก่ออันตรายต่อศูนย์การกลั่นและส่งน้ำมันในคาบสมุทรกัลฟ์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีหน้าที่ส่งน้ำมันไปยังเมืองต่าง ๆ เช่น วอชิงตันดีซี บัลติมอร์ และ แอตแลนตา จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้สหรัฐฯต้องกลับมาให้ความสนใจกับความปลอดภัยด้านพลังงาน
บริษัท โคโลเนียล ไปป์ไลน์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า ทางบริษัทได้รับทราบเกี่ยวกับการโจมตีในวันศุกร์ (7 พ.ค.64) ที่ผ่านมา จึงทำการปิดระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดเพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดความเสียหาย อย่างไรก็ตามการปิดระบบทำให้ต้องระงับการจัดส่งน้ำมันเป็นการชั่วคราวและกระทบกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศบางส่วนของบริษัท
ในขณะนี้ บริษัท โคโลเนียล ไปป์ไลน์ ได้ให้บริษัทด้านความมั่นคงไซเบอร์ ซึ่งเป็นบุคคลที่สาม เข้ามาดำเนินการสอบสวน รวมถึงติดต่อบริษัททางกฎหมายและรายงานสถานการณ์แก่ให้หน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม บริษัท โคโลเนียล ไปป์ไลน์ ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมใด ๆ เช่น ไม่ได้ระบุว่าปิดระบบจัดส่งน้ำมันเป็นระยะเวลายาวนานเท่าใด
ทั้งนี้ เครือข่ายท่อส่งน้ำมันเชื้อเพลิงของบริษัท โคโลเนียล ไปป์ไลน์ มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากทำหน้าที่ ส่งน้ำมันจากโรงกลั่นน้ำมันของสหรัฐในพื้นที่ชายฝั่งคาบสมุทรกัลฟ์ ไปยังพื้นที่ฝั่งตะวันออกและภาคใต้ของสหรัฐที่มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น บริษัทยังจัดส่งน้ำมันเบนซิน ดีเซล น้ำมันสำหรับเครื่องบิน และ ผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากโรงกลั่นวันละ 2.5 ล้านบาร์เรล ผ่านทางเครือข่ายท่อน้ำมันที่มีความยาว 8,850 กิโลเมตร
โดย ไมค์ ชาร์เปิล ศาสตราจารย์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การวิเคราะห์และปฏิบัติการแห่งมหาวิทยาลัยมอเทรอดาม วิทยาลัยธุรกิจเมนโดซา ได้ให้ความเห็นไว้ ดังนี้ “การปิดระบบท่อส่งน้ำมันนี้ ยังสะท้อนว่า แม้แต่โครงสร้างพื้นฐานระดับชาติของสหรัฐฯ ยังคงเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์ ดังนั้นการรักษาความปลอดภัยโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของสหรัฐฯ จึงถือเป็นปัญหาด้านความมั่นคงของชาติ ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลกลาง และต้องการการรวมศูนย์อำนาจสั่งการจากรัฐบาลเช่นกัน
เมื่อปีที่แล้ว รัฐสภาสหรัฐฯ ได้อนุญาตให้มีการแต่งตั้ง ผู้อำนวยการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งนี้ยังคงไม่ได้รับการบรรจุจากฝ่ายบริหารของ นาย โจ ไบเดน ทำให้หลังจากการโจมตีทางไซเบอร์ในช่วงปีที่ผ่านมานี้ เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้นเป็นเรื่องต้น ๆ”