อิหร่านช็อกซ้ำ – วันที่ 7 มิ.ย. เดลีเมล รายงานความคืบหน้าคดีฆาตกรรมครอบครัวช็อกในอิหร่าน ที่นายอักบาร์ คอร์รัมดิน อายุ 81 ปี และนางอิหร่าน คอร์รัมดิน และ 74 ปี ถูกจับกุมหลังฆ่านายบาบัก ลูกชาย เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ในกรุงเตหะราน เมืองหลวง เพื่อรักษาเกียรติ เนื่องจากลูกชายยังไม่แต่งงาน

ล่าสุด ทั้งคู่สารภาพด้วยว่า สารภาพด้วยว่า ฆ่านางอาเรโซว์ ผู้เป็นลูกสาว และนายฟารามาร์ซ ลูกเขย เมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากพฤติกรรม “ผิดศีลธรรม” ของทั้งคู่ ด้วยวิธีการเดียวกับการสังหารลูกชายด้วย

นายอักบาร์ ผู้เป็นพ่อ ให้การต่อศาลครั้งแรกว่า “ผมไม่รู้สึกมีความผิดใดๆ ที่ฆ่าลูกทั้งสอง ซึ่งผิดทางศีลธรรมอย่างแรง” ส่วนนางอิหร่าน ผู้เป็นแม่ เสริมว่า “เราทั้งคู่วางแผน สามีเป็นคนบอกฉัน และฉันบอก “ตกลง” ฉันไม่เสียใจเลย ฉันทนทุกข์ทรมานมากเพราะลูกทั้งสอง”

เว็บไซต์ขาว ทัสนิม ของอิหร่านรายงานว่า ตำรวจยังสอบสวนคดีดังกล่าว ทั้งคู่เผชิญโทษจำคุกถึง 10 ปี ในข้อหาฆ่าลูกตัวเอง ภายใต้การตีความอย่างเข้มงวดของกฎหมายอิสลามของอิหร่านที่กำหนดโทษเบาลงแก่พ่อแม่ที่ฆ่าลูกตัวเอง อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่อาจเผชิญโทษจำคุกตลอดชีวิต หากถูกตัดสินมีความผิดฆาตกรรมลูกเขย

 

เรื่องราวน่าสยดสยองครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พ.ค. หลังคนงานเก็บขยะในกรุงเตหะรานค้นพบศพถูกฆ่าหั่นในถังขยะใกล้ย่านเอคบาตัน ต่อมา ตำรวจได้รับแจ้งเหตุ มาพิมพ์ลายนิ้วมือศพ และระบุอัตลักษณ์เหยื่อ คือนายบาบัก คอร์รัมดิน

สื่ออิหร่านรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจรุดไปบ้านของนายอักบาร์และนางอิหร่าน และจับกุมทั้งคู่ หลังพบหลักฐานฆาตกรรมภายในบ้าน ตอนแรกทั้งคู่ปฏิเสธข้อหา แต่ต่อมาสารภาพว่า วางยาระงับประสาทในอาหารที่ลูกชายกิน และแทงลูกชายขณะกึ่งมีสติ จากนั้น นำศพลูกไปห้องน้ำเพื่อลงมือหั่นและใส่ถังขยะ

ตำรวจระบุว่า ทั้งคู่สารภาพอีกว่า ฆ่านางอาเรโซว์ ลูกสาว เมื่อ 3 ปีก่อน และฆ่านายฟารามาร์ซ ลูกเขย เมื่อ 10 ปีก่อน โดยใช้วิธีการสังหารคล้ายกัน ส่วนสาเหตุ นายฟารามาร์ซใช้ความรุนแรง และนายอาเรโซว์ใช้ยาเสพติด และพาแฟนหนุ่มหลายคนเข้าบ้านหลังสามีตาย

นายอักบาร์และนางอิหร่านอ้างว่า ทั้งลูกสาวและลูกเขยหายตัวไป โดยบอกว่าหนีไปอยู่ต่างประเทศ และตำรวจไม่เคยสอบสวนการหายตัวดังกล่าว ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนทั้งคู่ และกำลังตรวจสอบว่า สมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ หายตัวไปในสถานการณ์น่าสงสัยหรือไม่

 

ทั้งนี้ นายอักบาร์และนางอิหร่านยังมีลูกอีก 2 คน คือ อัฟชิน และอาซาร์ ทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนนายบาบักมีอาชีพเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ จบปริญญาโทสาขาภาพยนตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเตหะราน ในปี 2552 และปีถัดมาย้ายไปศึกษาต่อสาขาเดียวกันที่กรุงลอนดอน และทำงานที่นั้น ก่อนกลับมาสอนหนังสือที่บ้านเกิด

ระหว่างอยู่ในลอนดอน นายบาบักสร้างภาพยนตร์สั้นหลายเรื่อง รวมถึง Crevice และ Oath to Yashar ซึ่งเน้นไปที่ประสบการณ์การย้ายประเทศ และการอยู่ห่างจากครอบครัวตัวเอง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

จับญาติ “ลวงปลิดชีพ” หนุ่มอิหร่าน หลังพบจดหมายขอเว้นทหารเพราะเป็นเกย์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน