ญี่ปุ่นเอาจริง รวบคนทำ ‘คลิปสั้นสรุปหนัง’ ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ หลังนำภาพยนตร์มาตัดต่อใหม่เป็นคลิปแบบสั้น ๆ พร้อมบรรยายสรุป ทำเสียหายรวมกว่า 2.7 พันล้าน
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เจแปนไทมส์ ได้รายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดมิยากิ ประเทศญี่ปุ่น นั้นได้เข้าจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาชายสองรายและผู้หญิงหนึ่งราย ได้แก่ เคนยา ทาคาเสะ วัย 25 ปี ,นานะ ชิโมดะ วัย 25 ปี และทาคายูกิ สุกะ วัย 42 ปี รวม 3 คน ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ จากการโพสต์ ‘คลิปสั้นสรุปหนัง’ อย่างผิดกฎหมายลงในยูทูบเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา
นี่จึงถือว่าเป็นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น ที่มีการการจับกุมผู้ต้องหากรณีการทำ คลิปสั้นสรุปหนัง หรือที่เรียกกันว่า ‘หนังเร็ว’ (Fast Eiga) ที่มีความยาวประมาณ 10 นาที พร้อมทั้งให้คำอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับเรื่องราวของภาพยนตร์เหล่านั้น โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์
ทั้งนี้การกระทำดังกล่าวจะไม่เท่ากับการสปอยหนังแบบทั่วไป เพราะว่าคลิปเหล่านี้จะเป็นการตัดเอาภาพหรือวิดีโอส่วนสำคัญของภาพยนตร์มาต่อ ๆ กัน เพื่อเล่าเรื่องราวของหนังทั้งหมดแบบสรุป ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ทางสมาคมการกระจายเนื้อหาระหว่างประเทศของญี่ปุ่น ก็ได้ขอคำสั่งศาลในสหรัฐอเมริกา เพื่อเปิดเผยตัวผู้อัปโหลดคลิปดังกล่าว
โดยหลังจากนั้นทางยูทูบ ก็ได้ส่งขอมูลมาให้จนนำไปสู่การจับกุมดังกล่าวนั้นเอง ซึ่งจากการสำรวจของกลุ่มการค้าภาพยนตร์และอนิเมะนั้นพบว่า ในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา มีคลิปสั้นสรุปหนังในรูปแบบดังกล่าวถูกอัปโหลดมากถึง 2,100 คลิป จากจำนวนผู้อัปโหลด 55 บัญชี โดยมียอดดูทั้งหมดประมาณ 477 ล้านครั้ง และสร้างความเสียหายกว่า 9,560 ล้านเยน หรือประมาณ 2,756 ล้านบาท
และประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมบันเทิงเหล่านี้กำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะการระบาดของโควิด-19 ด้วยนั่นเอง จึงส่งผลให้ทางสมาคมการกระจายเนื้อหาระหว่างประเทศของญี่ปุ่นต้องหันมาเอาผิดและลงโทษผู้เผยแพร่คลิปเหล่านี้อย่างจริงจังในระดับเดียวกับกลุ่มผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์
อย่างไรก็ตามการเข้าจับกุมในครั้งนี้กลับนำมาสู่คำถามที่น่าสนใจในหลาย ๆ ข้อ ไม่ว่าจะเป็นขอบเขตของลิขสิทธิ์ หรือคำถามที่ว่ากฎหมายดังกล่าวจะถูกบังคับใช้ครอบคลุมถึงในต่างประเทศหรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรการนำภาพหรือคลิปจากภาพยนตร์ไปหารายได้ มันเป็นเรื่องผิดกฏหมายอยู่แล้ว และเจ้าของลิขสิทธิ์ก็สามารถดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดได้
ที่มา : japantimes / soranews24
