เมื่อ 27 พ.ย. บีบีซีรายงานเรื่องราวของเด็กชายสองพี่น้องที่เป็นกระแสพูดถึงไปทั่วโลกออนไลน์ของจีน หลังจากมีภาพของเด็กทั้งสองแอบซ่อนอยู่ใต้ท้องรถโดยสารที่วิ่งไปไกล 80 กิโลเมตร เพื่อติดรถเข้าไปในเมือง หวังที่จะไปหาพ่อแม่ ปลุกประเด็นให้เกิดการถกเถียงถึง “เด็กที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง”พ้นจากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

เด็กทั้งสองอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชนบทที่ยากจนในเขตปกครองกว่างซี และต้องการไปหาพ่อแม่ในมณฑลกวางตุ้ง ที่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้เช่นเดียวกัน จึงแอบเข้าไปซ่อนใต้ท้องรถขณะจอดอยู่ที่สถานีขนส่ง

ครูของเด็กๆ มาแจ้งว่าเด็กหายตัวไป เมื่อวันที่ 23 พ.ย. กระทั่งช่วงเย็นวันเดียวกันนั้นที่สถานีขนส่งอีกแห่ง ภาพถ่ายที่เผยแพร่ทางโลกออนไลน์ เด็กทั้งสองเนื้อตัวมอมแมมไปด้วยฝุ่นและโคลนที่กระเด็นจากล้อรถ

จากรายงานของเว็บไซต์เซาเธิร์น ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ เด็กทั้งสองอายุ 8-9 ขวบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปพบเข้าขณะรถเข้าไปจอดรับส่งผู้โดยสาร หลังจากรถเดินทางออกมาไกลกว่า 80 กิโลเมตรแล้ว เหล่ารปภ.ถึงกับตกใจและคิดว่าโชคดีมากที่เด็กไม่เป็นอะไร

ถามไถ่ที่มาที่ไป

“เด็กตัวผอมมากทำให้มุดเข้าไปยังที่ซ่อนได้พอเหมาะ” เจ้าหน้าที่รปภ.กล่าว ส่วนอีกคนเล่าว่า เด็กอึกอักไม่ยอมตอบเมื่อถามว่าเป็นอย่างไรมาอย่างไร กระทั่งค่อยๆ ตะล่อมถาม จึงรู้ว่าอยากไปตามหาพ่อแม่ที่หายไปเลย นับจากเข้าไปทำงานในเมือง

พาไปกินข้าว

เรื่องนี้สะเทือนใจผู้คนอย่างยิ่ง และมีชาวจีนเข้ามาแสดงความเห็นกันอย่างล้นหลาม ส่วนใหญ่เขียนถึงความรู้สึกที่สงสารและเวทนาเด็กๆ สะท้อนถึงปัญหาสังคมจีนที่ครอบครัวล่มสลาย พ่อแม่ต้องแยกจากลูก และเด็กก็ถูกทิ้งอยู่ข้างหลังในสังคม เป็นสภาพของครอบครัวชาวชนบทจำนวนมาก และบางคนถึงกับเสียดสีนโยบายไชน่าดรีมของผู้นำประเทศว่า นี่คือความฝันอันขมขื่น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน