อิระวดี นิวส์ รายงานว่า พันเอก เมียว มิน หน่อง สมาชิกลำดับที่ 1 ประจำรัฐกะเหรี่ยง ของสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ที่ทางรัฐบาลกองทัพเมียนมาแต่งตั้งขึ้นมานั้น ได้สั่งยึดถังออกซิเจนทางการแพทย์ ที่นำเข้ามาจากไทยจำนวน 100 ถัง หลังได้รับบริจาคมาจากกลุ่มองค์กรการกุศล ขณะขนส่งผ่านทางสะพานมิตรภาพ หมายเลข 2 เข้าเมืองเมียวดี เมืองชายแดนของรัฐกะเหรี่ยง ฝั่งตะวันออกของประเทศ
ก่อนที่ทางพันเอก เมียว มิน หน่อง จะออกมาปฏิเสธ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ผ่านหนังสือพิมพ์ที่เป็นกระบอกเสียงให้กับกองทัพว่า ว่าไม่ได้ยึดถังออกซิเจนไป แต่เป็นเพียงการยืมมาใช้เพื่อการฉุกเฉินเท่านั้น
พร้อมทั้งยังระบุว่าทางกองกำลังของรัฐบาลทหารได้มอบเงินจำนวน 800,000 บาท หรือประมาณ 40 ล้านจ๊าต ให้กับผู้นำเข้าถังออกซิเจน เพื่อรับประกันว่าพวกเขาจะคืนถังออกซิเจนเหล่านี้ให้
ก่อนจะออกมาชี้แจงว่าในตอนแรกนั้น พวกเขาคิดว่าถังออกซิเจนยังไม่ใช่ของที่สำคัญ แต่ด้วยโรงงานในเมืองเมาะลำเลิง เมืองเอกของรัฐมอญ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงได้ตัดสินใจนำถังออกซิเจนเหล่านี้ไปส่งให้ตามโรงพยาบาลและศูนย์ควบคุมโควิด-19 ก่อน ที่มีความต้องการโดยด่วน
ทว่า ผู้ที่อยู่ในที่เหตุการณ์การยึดถังออกซิเจนนั้นกลับกล่าวว่า กองกำลังของรัฐบาลทหารนั้นมีท่าทีที่คุกคาม เพราะแสดงอาวุธขณะยึดถังออกซิเจน และยังใช้ผู้ป่วยโควิด-19 ภายในรัฐกะเหรี่ยงเป็นข้ออ้าง เพื่อเข้ายึดถึงออกซิเจนเหล่านั้น ทั้งๆ ที่กองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่รักษาการตามชายแดนซึ่งนำโดยพันตรีโมตโทนพยายามเข้าแทรกแซงแล้วก็ตาม แต่ก็ถูกกองกำลังทหารพม่ายึดไปได้
ก่อนหน้านี้ก็มีรายงานว่า ชาวเมียนมาหลายร้อยต่อต่อแถวยาว เพื่อไปรอซื้อและเติมถังออกซิเจนสำหรับใช้ในครอบครัว เนื่องจากถังกำลังขาดแคลนอย่างหนัก สืบเนื่องจากรัฐบาลทหารออกกฎไม่ส่งถังออกซิเจนให้กับสถานพยาบาลของเอกชน ห้ามขายและเติมออกซิเจนแก่ประชาชน
ส่งผลให้ชาวเมียนมาต้องช่วยเหลือกันเอง ทำให้เชื่อกันว่ารัฐบาลทหารกักตุนออกซิเจน ไว้ใช้ในโรงพยาบาลรัฐ สำหรับรักษาทหารและครอบครัว ท่ามกลางวิกฤตระบาดของประเทศที่ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นถึง 4-5 เท่าในเวลาเพียง 2 เดือน
ที่มา : irrawaddy