อาลีบาบาปลดระนาวเหตุข่มขืนพนง.สาว แฉมอมเหล้าฉวยโอกาสตอนเมา

อาลีบาบาปลดระนาวเหตุข่มขืนพนง.สาว แฉมอมเหล้าฉวยโอกาสตอนเมา

อาลีบาบาปลดระนาวเหตุข่มขืนพนง.สาว – วันที่ 9 ส.ค. บีบีซีรายงานว่า อาลีบาบา เครือธุรกิจยักษ์ใหญ่ในประเทศจีน สั่งปลดฟ้าผ่าผู้จัดการที่ถูกพนักงานหญิงฟ้องร้องว่าก่อเหตุข่มขืนตนขณะเมาหลับในโรงแรม ขณะที่ระดับหัวหน้างานอีก 2 คน ที่เพิกเฉยต่อกรณีที่เกิดขึ้นลาออกแล้ว

นายเดเนียล จาง รองประธานฝ่ายบริหาร หรือซีอีโอ ระบุในจดหมายชี้แจงถึงพนักงาน โดยการสอบสวนภายในของบริษัท ผู้จัดการคนดังกล่าวยอมรับสารภาพ ว่าก่อเหตุจริงในระหว่างที่พนักงานสาวอยู่ในสภาพสลึมสลือจากอาการเมาสุราในโรงแรม

จดหมายระบุว่า “พนักงานที่ก่อเหตุดังกล่าวจะถูกเลิกจ้างและบริษัทจะไม่รับเข้าทำงานอีก สำหรับข้อเท็จจริงนั้นจะให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ” และว่าทางบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลเยียวยาผู้เสียหาย โดยยืนยันว่าจะทำทุกทางเพื่อดูแลปกป้องพนักงานสาวผู้นี้

ด้านตำรวจเมืองจี่หนาน มณฑลชานตง ระบุว่า อยู่ระหว่างการสืบสวนคดี ขณะที่เอกสารคำให้การของฝ่ายเหยื่อ 8 หน้ากระดาษนั้นถูกเผยแพร่ไปในเว่ยโป๋ สร้างความเดือดดาลให้กับสังคมโลกออนไลน์ชาวจีน

ผู้เสียหายเล่าว่า ผู้จัดการพยายามบีบให้ตนเดินทางไปเป็นเพื่อนที่เมืองจี่หนานเพื่อพบกับลูกค้า อยู่ห่างจากนครหางโจวไปราว 900 กิโลเมตร จากสำนักงานใหญ่ของอาลีบาบา ทั้งยังสั่งให้ตนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเหตุเกิดตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 27 ก.ค.

ต่อมาจำได้เพียงว่าลูกค้าผู้นี้จูบตน จากนั้นรู้สึกตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นในห้องนอนโรงแรมของตัวเอง โดยเนื้อตัวเปลือยเปล่า และจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนที่ผ่านมา

เหยื่อระบุว่าได้ขอโรงแรมดูภาพกล้องวงจรปิดจึงพบว่าผู้จัดการเข้าออกห้องพักของตนถึง 4 ครั้งในช่วงค่ำวันนั้น ขณะที่อาลีบาบา ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการบังคับพนักงานใต้บังคับบัญชาให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

หลังเดินทางกลับมายังสำนักงานใหญ่ เหยื่อนำเรื่องดังกล่าวเข้ารายงานกับฝ่ายบุคคล และผู้ใหญ่ระดับสูง พร้อมขอให้ฝ่ายบุคคลเลิกจ้างผู้จัดการที่ก่อเหตุขึ้น โดยช่วงแรกฝ่ายบุคคลตกลงตามที่ตนขอไว้ แต่เรื่องก็เงียบไป ไม่มีความคืบหน้า

ด้านข้อชี้แจงของอาลีบาบา ระบุว่า “กระบวนการที่เกิดขึ้นของฝ่ายบุคคลนั้นไม่ได้ให้ความใส่ใจเพียงพอและพิถีพิถันกับความรู้สึกต่อพนักงานของเรา” และว่า “แม้เป็นการกระทำที่อยู่บนพื้นฐานของเหตุและผล แต่ขาดความพิถีพิถัน รวมทั้งทีมรับมือเหตุฉุกเฉินนั้นไม่ได้มีส่วนร่วม ส่งผลให้เกิดการตัดสินใจผิดพลาดอย่างร้ายแรง”