5สาวพี่น้องอัฟกัน – เดลีเมล์ รายงานการดิ้นรนเอาชีวิตรอดของ 5 สาวพี่น้อง ชาวอัฟกันที่เบียดเสียดกับเพื่อนร่วมชาติในเขตสนามบินกรุงคาบูลเพื่อไปตายเอาดาบหน้า หลังจากกลุ่มตาลิบันเผาบ้านของพวกเธอ
หญิงสาวกลุ่มนี้เป็นชาวฮาซารา กลุ่มชาติพันธุ์ชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ที่อาศัยในจังหวัดฮาซาราจัต ตอนกลางของประเทศท่ามกลางเทือกเขาฮินดูกูช
ชาวฮาซารามีผิวขาวเนียนละเอียดมักตกเป็นเหยื่อของการข่มเหงจากกลุ่มอื่นๆ มาหลายทศวรรษและล่าสุดคือกลุ่มตาลิบัน
ไอน่า ชีค นักศึกษาอายุ 19 ปี กล่าวว่ามาที่สนามบินพร้อมกับพี่ชาย 1 คนและพี่น้องผู้หญิงอีก 4 คนซึ่งต้องการไปสหรัฐอเมริกา เพราะอยู่ที่อัฟกานิสถานต่อไปไม่ได้แล้วเนื่องจากไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
พี่น้องกลุ่มนี้ไม่มีหนังสือเดินทางสักคนเดียวและไม่มีเอกสารการตรวจลงตรา หรือ วีซ่า อนุญาตให้เดินทาง แต่ไม่อาจหยุดยั้งความหวังและปาฏิหาริย์ไม่ได้
ไอน่าเล่าอย่างขมขื่นว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ครอบครัวยังอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จนกระทั่ง ตาลิบันเผาบ้านจนเหลือแต่ซาก พ่อแม่จึงบอกให้ลูกๆ หนีไปเพราะกลัวว่าจะได้รับอันตรายถึงชีวิต
ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานนับไม่ถ้วนระบุว่าตาลิบันลักพาตัวหญิงสาวและเด็กหญิงไปเป็นภรรยาหรือเป็นทาสทางเพศ หลังจากบุกยึดเมืองต่างๆ และหมู่บ้านทั่วประเทศ
สาวๆ ตระกูลชีคต้องเดินทางไกล 241 กิโลเมตรและมาถึงสนามบินคาบูลเมื่อวันอาทิตย์ อาศัยทางเท้าเป็นที่นอนโดยมีเนเดอร์ พี่ชายอายุ 25 ปี เป็นคนคอยคุ้มกัน
ไอน่าเป็นน้องสาวคนที่ 5 จากพี่น้องทั้งหมด 6 คน กล่าวว่าพอมีเงินติดตัวอยู่บ้างสำหรับใช้จ่ายและไม่ทราบว่าเงินจะหมดลงเมื่อไหร่ แม้พี่ๆ น้องๆ เด็กเกินไปที่จะจำตาลิบันได้ แต่พ่อแม่เคยบอกว่าพวกตาลิบันเข่นฆ่าสังหารชาวฮาซารามากมาย
หลังจากตาลิบันเสื่อมอำนาจลง ผู้หญิงอัฟกานิสถานก็มีความก้าวหน้ามาตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา
ฮาฟิซาห์ อายุ 23 ปี พี่สาวของไอนา กำลังศึกษาวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่วิทยาลัยเทคนิคในกรุงคาบูล ส่วนพี่สาวฝาแฝด ฮาวาและลาติฟา อายุ 20 ปี รวมทั้ง มาร์จาน น้องสาวอายุ 18 ปีเป็นนักศึกษา
แต่ตอนนี้ ความก้าวหน้าในชีวิตสะดุดหยุดลง เมื่อสหรัฐฯ และพันธมิตรพากันทิ้งอัฟกานิสถาน
ขณะที่มีคนไม่เชื่อในคำพูดของบรรดาแกนนำกลุ่มตาลิบันว่าเปลี่ยนทัศนคติต่อผู้หญิงแล้ว พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าเด็กผู้หญิงจะได้ไปโรงเรียน แต่ขณะนี้ กลับมีคำถามมากมายว่าผู้หญิงจะถูกก้อนหินขว้างปาเพราะถูกกล่าวหาคบชู้ หรือขโมยจะถูกตัดแขนหรือไม่
ขณะที่โฆษกตาลิบันยืนกรานว่าการตัดสินใจเรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับกฎหมายชารีอะห์เท่านั้น
ปัจจุบันสหรัฐช่วยคนอพยพได้ 13,000 คน ในปฏิบัติการอพยพทางอากาศ ที่นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวว่าเป็นการอพยพทางอากาศที่ยากลำบากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ และไม่อาจรับประกันว่าจะไม่มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียชีวิต ท่ามกลางสถานการณ์วุ่นวายโกลาหลที่สนามบินคาบูล มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 12 ราย รวมถึงคนที่ร่วงลงมาจากเครื่องบิน
สำหรับพี่น้องตระกูลชีค ไม่แน่นอนเช่นกันว่าจะหนีออกจากบ้านเกิดเพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่าได้หรือไม่ แต่พวกเขาไม่ละทิ้งความหวังอย่างแน่นอน
////////////////
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ตาลีบัน : ข่าวกรองและพยานเหตุการณ์ชี้กลุ่มติดอาวุธตามล่าคนที่บ้าน-สังหารหมู่ชนกลุ่มน้อย