เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา โกลบอลไทมส์ ได้ออกมารายงานถึงเรื่องราวของ ‘น้ำนมแม่’ ที่ถูกซื้อขายอย่างลับ ๆ ในตลาดมืดบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ที่ถูกเปิดเผยโดยสื่อจีนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับความถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมกับเรียกร้องให้ออกมาตรการการควบคุมการซื้อขายดังกล่าวที่อาจสร้างปัญหาในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สุขภาพ สุขอนามัย และจริยธรรม
โดยทางโกลบอลไทมส์ ได้พบว่าตลาดมืดดังกล่าวสามารถพบเห็นได้ตามแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ของจีน อาทิ ไป่ตู้เที่ยปา จือฮู เวยปั๋ว และเสียนอวี่ ซึ่งผู้ซื้อส่วนใหญ่ต่างมองหานมแม่ที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ สำหรับทารกแรกเกิดหรือแม่นม และบางคนถึงกับมองหาน้ำนมแม่สำหรับผู้ใหญ่
เพราะผู้ซื้อบางรายว่าได้อ้างว่าพวกเขานั้นซื้อน้ำนมแม่ เพื่อเอาไปดื่มเอง เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่านมแม่นั้นมีให้สารอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงช่วยเรื่องการรักษาสิว และบางคนก็พยายามเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยราคาของนมนี้มีราคาตั้งแต่ 500 หยวนถึง 2,000 หยวน หรือประมาณ 2,500 – 10,000 บาท ต่อน้ำนม 500 กรัม
ซึ่งผู้ขายส่วนมากอ้างว่าพวกเขามีน้ำนมพร้อมจำหน่าย และบางคนอ้างก็ว่าผู้ซื้อสามารถตรวจสอบความปลอดภัยของน้ำนมได้ โดยจะมีการโพสต์ขายน้ำนมกันอย่างลับ ๆ ในช่องแสดงความคิดเห็นของผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ทั้งยังใช้คำย่อต่าง ๆ ในการโพสต์ซื้อขายแทน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากรัฐ
ด้าน เชา หยันชุน ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายในเซี่ยงไฮ้เผยว่า น้ำนมแม่มีความเกี่ยวข้องในเรื่องศีลธรรมจริยธรรม สุขอนามัยและความปลอดภัย ทำให้ไม่สามารถซื้อขายได้ทั่วไป แต่ในจีนกลับไม่มีกฎระเบียบหรือหน่วยงานกำกับดูแลที่ชัดเจน มีเพียงแต่ประกาศห้ามซื้อขายน้ำนมแม่ที่ออกโดยหน่วยงานด้านสุขภาพของจีนในปี 2543 เท่านั้น
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ในปี 2556 สื่อจีนก็เคยเปิดโปงตลาดมืดน้ำนมแม่มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่การลอบจำหน่ายก็ยังคงมีอยู่ ทำให้มีการเรียกร้องให้มีการควบคุมและกวาดล้างตลาดมืดนี้ เนื่องจากปัญหาด้านจริยธรรมและความปลอดภัย เพราะนมแม่อาจเป็นตัวแพร่กระจายโรคไวรัสตับอักเสบบีหรือเอดส์ได้
ทั้งยังมีการเสนอให้จัดตั้งองค์กรบริจาคนมแม่ในจีนมากขึ้น โดยรายงานได้ระบุว่าในจีนมีศูนย์รับบริจาคนมแม่เพียง 26 แห่งเท่านั้น แต่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้การบริจาคน้ำนมแม่ถูกระงับ ซึ่งโดยปกติแล้วนั้นมารดาที่ต้องการบริจาคน้ำนมจะต้องลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด รวมถึงต้องตรวจเลือดและโรคติดต่อก่อนเสมอ
ที่มา : globaltimes / 163
