จีนเนรมิต3เดือนศูนย์กักตัวโควิด 5พันห้องรองรับผู้เดินทางเข้าประเทศ

จีนเนรมิต3เดือนศูนย์กักตัวโควิด – วันที่ 30 ก.ย. ซีเอ็นเอ็นรายงานการเดินหน้าตามนโยบาย “โควิด ซีโร่” ของทางการจีน สะท้อนจากโครงการก่อสร้างศูนย์กักตัวผู้โดยสารขาเข้าขนาด 5 พันห้อง เพื่อรอดูอาการ ที่มหานครกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทางการจีนเกิดขึ้นในช่วงที่หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการชะลอการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 และทยอยเปิดพรมแดน ตามนโยบายอยู่ร่วมกับโควิด ซึ่งสวนทางกันกับนโยบาย โควิด ซีโร่ ของทางการจีนอย่างสิ้นเชิง

จีนเนรมิต3เดือนศูนย์กักตัวโควิด

สถานกักตัวนานาชาติกวางโจว (CNN)

ศูนย์กักตัวดังกล่าวใช้งบประมาณ 260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 8.8 พันล้านบาท เพื่อเนรมิตสถานที่สำหรับใช้รอดูอาการบุคคลที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ เตรียมเปิดใช้งานภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

ศูนย์กักตัวแห่งนี้ มีอาคารส่วนใหญ่เป็นเหมือนอพาร์ตเมนต์ 3 ชั้น หลังคาสีเทาและตกแต่งภายในตามสไตล์จีน ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดเท่ากับสนามฟุตบอล 46 แห่งรวมกัน ใช้เวลาก่อสร้างเพียงไม่ถึง 3 เดือน

จุดประสงค์หลักของศูนย์ดังกล่าวเพื่อใช้ทดแทนบรรดาห้องพักของโรงแรมทั่วมหานครกวางโจวที่แต่เดิมถูกใช้เป็นที่พักรอดูอาการ โดยทางการจีนต้องการลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดรั่วไหลออกมาจากโรงแรมเหล่านี้สู่ชุมชน

บุคคลที่เดินทางเข้ามาถึงท่าอากาศยานประเทศจีนจะได้รับบริการเป็นรถบัสพาเดินทางจากสนามบินตรงมายังศูนย์กักตัวดังกล่าว และจะต้องพักอาศัยอยู่ภายในห้องของตัวเองเป็นเวลานาน 2 สัปดาห์เพื่อรอดูอาการ

ภายในห้องจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ผ่านทางวิดีโอลิงค์ และระบบตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ พร้อมอาหารบริการ 3 มื้อ ที่จะมีหุ่นยนต์นำมาส่ง ลดการปฏิสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่

นายอันจง หวง ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจากคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจีน กล่าวว่า อาจถือได้ว่าเป็นศูนย์กักตัวที่มีความไฮเทคและซับซ้อนมากที่สุดของโลก โดยมีชื่อทางการว่า ศูนย์อนามัยนานาชาติกวางโจว

แม้ศูนย์ดังกล่าวจะเป็นแห่งแรกในประเทศจีน แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า อาจเป็นแม่แบบให้กับศูนย์ในลักษณะนี้ที่จะเกิดขึ้นมาอีกหลายแห่งในอนาคต หากจีนยังคงเดินหน้าตามยุทธศาสตร์กวาดล้างโควิดจนเหลือศูนย์ต่อไป

การวิเคราะห์ดังกล่าวสอดคล้องกันกับโครงการก่อสร้างสถานกักตัวขนาด 2 พันห้อง ที่เมืองตงกวน ซึ่งเป็นแหล่งอุตสาหกรรมก่อสร้าง และนครเสิ่นเจิ้น ศูนย์กลางไอทีของจีน ที่กำลังวางแผนจะสร้างสถานกักตัวในรูปแบบเดียวกัน

นายหวง ระบุว่า โครงการก่อสร้างเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาว เพราะบรรดาผู้นำระดับสูงของจีนมองว่า การระบาดของโรคโควิด-19 จะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะยุติ และจีนจะเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ โควิด ซีโร่ ด้วยมาตรการเฝ้าระวังพรมแดนอย่างเข้มข้น

รายงานระบุว่า ทางการจีนปิดพรมแดนและไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติ และชาวจีนส่วนใหญ่เข้าประเทศได้เป็นเวลานานกว่า 18 เดือนแล้ว โดยบุคคลที่เดินทางเข้ามานั้นจะต้องเผชิญกับมาตรการกักตัวนานอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ที่โรงแรม ตามด้วยการกักตัวที่สถานกักตัวกลางอีก 1 สัปดาห์ และการกักตัวเองที่บ้านอีก ไม่ยกเว้นแม้แต่บุคคลที่ได้รับวัคซีนครบโดส

ทว่า โรคโควิด-19 ก็ยังคงเล็ดลอดผ่านเข้าได้จนเกิดการระบาดไปในหลายพื้นที่อย่างกรณีเมื่อเดือนพ.ค. ที่ชนิดกลายพันธุ์เดลต้า เล็ดลอดจากสนามบินจนเกิดการระบาดในมณฑลกวางตุ้ง โดยแผ่ขยายตั้งแต่นครกวางโจวไปถึงนครเสิ่นเจิ้น

กรณีดังกล่าวส่งผลให้มีบุคคลต้องเข้ารับการกักตัวกว่า 3 หมื่นคน ในสถานกักตัวกว่า 300 แห่ง โดยนครกวางโจวเป็นช่องทางหลักของบุคคลที่เดินมาจากต่างชาติร้อยละ 90 ซึ่งกว่าที่ทางการจีนจะควบคุมการระบาดได้ก็เดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา

นายจง หนานชาน หนึ่งในที่ปรึกษาระดับสูงด้านสาธารณสุขของรัฐบาลจีน ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนว่ามาตรการที่จีนมีอยู่ยังไม่เพียงพอ นำมาสู่โครงการสร้างสถานกักตัวแบบเฉพาะข้างต้น ซึ่งจะง่ายต่อการบริหารจัดการมากกว่า

โครงการดังกล่าวใช้คนงานก่อสร้างกว่า 4 พันคน และเพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จไปเมื่อต้นเดือนก.ย. โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขย้ายเข้าไปแล้ว 184 คน เพื่อเตรียมพร้อมปฏิบัติงาน

เจ้าหน้าที่ด้านหน้าเหล่านี้จะต้องทำงานติดต่อกันถึง 28 วัน และปฏิบัติตามมาตรการล็อกดาวน์เช่นเดียวกันกับผู้อยู่ในสถานกักตัว ก่อนจะต้องกักตัวเอง 1 สัปดาห์หลังออกผลัด และกักตัวเองอีก 2 สัปดาห์ที่บ้าน จึงจะสามารถออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านได้

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน