บินเจ็ตชนนก “ใบพัดแตก” พุ่งทะลุเครื่อง โชคดีไร้คนเจ็บ-กัปตันลงจอดปลอดภัย
บินเจ็ตชนนก “ใบพัดแตก” – วันที่ 7 ม.ค. เดลีเมล์ รายงานความคืบหน้าเหตุระทึกขวัญบนเที่ยวบินของ สายการบินแอร์ลิงค์ ในแอฟริกาใต้ หลังประสบเหตุ ชนนก จนใบพัดแตกและพุ่งทะลุเข้าด้านข้างของเครื่องบริเวณห้องโดยสาร
โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและนักบินสามารถนำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัยเมื่อวันอังคาร์ที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า สำนักงานการบินพลเรือนแอฟริกาใต้ (เอสเอซีเอเอ) แถลงว่าจะเร่งตรวจสอบกรณีดังกล่าวเพื่อให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
Passengers on the Jetstream 41, which was approaching Venetia Mine in South Africa, were left terrified when the bird hit the engine with such a force that the propeller was sent flying through the cabin to the other side of the plane. Credit: Twitter
สำนักงานการบินพลเรือนแอฟริกาใต้แถลงว่า เครื่องบินลำดังกล่าวเป็นเครื่องเจ็ตสตรีม 41 ของสายการบินแอร์ลิงค์ สายการบินภายในประเทศซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในนครโจฮันเนสเบิร์ก ประสบเหตุชนนกขณะกำลังลงจอดที่สนามบินวาเนเทียไมน์
แรงปะทะจากนกที่ชนเครื่องยนต์ส่งผลให้ซี่ใบพัดซี่หนึ่งแตกหัก ชิ้นส่วนใบพัดชิ้นหนึ่งพุ่งกระแทกกระจกจนแตก อีกชิ้นพุ่งทะลุผ่านผนังห้องโดยสารในจุดที่ไม่มีมีใครนั่งพอดี
“เครื่องบินแอร์ลิงค์ เจ็ตสตรีม 41 ซึ่งให้บริการเที่ยวบินส่วนตัว ประสบเหตุชนกับนกขนาดใหญ่ก่อนลงจอดที่สนามบินวาเนเทีย ไม่มีผู้โดยสารหรือลูกเรือคนไหนได้รับบาดเจ็บแม้เครื่องบินจะมีความเสียหายมาก เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบและข้อปฏิบัติทางการบินสำนักงานการบินพลเรือนแอฟริกาใต้จะดำเนินการสอบสวนและประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น”
After tearing through one side of the aircraft, the blade smashed into a passenger window, destroying the window pane on the opposite side of the fuselage. Credit: Twitter
Photos from inside the aircraft show splinters of wood strewn across the cabin floor. Credit: Twitter
The bird hit the engine with such force that the blade split completely off. The model, a Jetstream JS-4, was approaching Venetia Mine in South Africa when the bird struck the propeller on the right hand side. The blade snapped off from the hub, penetrating the sidewall of the aircraft and causing damage even on the inside of the cabin. Credit: Twitter
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
