ม็อบประชิดสภา! บัลแกเรีย3พันต้านสกัดโควิด-ฮือตะลุมบอนตำรวจ
ม็อบประชิดสภา! – วันที่ 13 ม.ค. ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ผู้ประท้วงต่อต้านมาตรการสกัดกั้นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 จำนวนกว่า 3 พันคน ที่กรุงโซเฟีย ประเทศบัลแกเรีย พยายามบุกเข้าไปภายในรัฐสภาจนเกิดปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลอย่างดุเดือด
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังความตึงเครียดจากการที่ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมาประท้วงมาตรการสกัดกั้นการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ด้านหน้ารัฐสภาและเผชิญหน้ากับตำรวจนาย 1 ชั่วโมง
ผู้ประท้วงเรียกร้องให้รัฐยุติการจำกัดสิทธิในชีวิตของบุคคลที่ไม่ยอมรับวัคซีนเนื่องจากมองว่าเป็นการละเมิดเสรีภาพส่วนบุคคล และความพยายามดัดหลังเพื่อบีบบังคับให้ยอมรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
การเผชิญหน้าที่เกิดขึ้นนำไปสู่การผลักดันกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ประท้วงที่ทยอยเดินทางมาถึงบริเวณชุมนุมด้วยรถบัส ทำให้เจ้าหน้าที่ล่าถอยและผู้ประท้วงสามารถรุกคืบไปได้ถึงประตูทางเข้าหลักของอาคารรัฐสภา มีผู้บาดเจ็บหลายคนทั้งสองฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ผู้ประท้วงไม่ได้พยายามบุกเข้าไปภายในพื้นที่ในรั้วของสภา แต่พยายามส่งเสียงตะโกนเรียกร้องให้บรรดาผู้แทนราษฎรจากรัฐสภานำข้อเรียกร้องของกลุ่มเข้าสู่สภา
รายงานระบุว่า ภายในการประท้วงนั้นมีผู้โบกธงชาติและธงของพรรคขวาจัดอย่าง Revival Party ที่เป็นผู้จัดการประท้วงด้วย พร้อมตะโกนคำว่า “เสรีภาพ” และปฏิเสธมาตรการที่จะจำกัดเสรีภาพของพวกตนทุกรูปแบบ รวมทั้งประณามรัฐว่ากดขี่ราวกับเป็น “มาเฟีย”
หนึ่งในผู้ประท้วงอายุ 39 ปี อาชีพวิศวกร ระบุว่า “ผมไม่เห็นด้วยกับการต้องมีหนังสือยืนยันการรับวัคซีน ผมไม่เห็นด้วยที่เด็กๆ ถูกขัดขวางไม่ให้ไปโรงเรียน ผมมองไม่เห็นเหตุผลของเรื่องนี้
ทั้งนี้ รัฐบาลกำหนดให้ประชาชนทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาทั้งในและนอกอาคาร รวมทั้งแสดงเอกสารยืนยันว่ารับวัคซีนแล้ว หรือผลการทดสอบเชื้อจากห้องปฏิบัติการที่เป็นลบ ก่อนใช้ระบบขนส่งมวลชน ร้านอาหาร ยิม และสถานบริการอื่น
บัลแกเรีย ชาติคาบสมุทรบอลข่าน นับเป็นชาติที่มีผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ต่ำที่สุดในสหภาพยุโรป หรืออียู และกำลังมีปริมาณผู้ติดเชื้อรายวันทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องจากการระบาดของเชื้อชนิดกลายพันธุ์โอมิครอน
นายคิริล เพ็ตคอฟ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งในเดือนธ.ค. 2564 กล่าวยืนยันว่า จะเดินหน้าเร่งฉีดวัคซีนป้องกันให้ประชาชนต่อไป และจะไม่มีทางยกเลิกมาตรการสกัดกั้นการระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงนี้โดยเด็ดขาด