วันที่ 23 ก.พ. บีบีซี และ ซีเอ็นเอ็น รายงาน สถานการณ์ความขัดแย้งที่ตึงเครียดระหว่างยูเครนและรัสเซียว่า สภาความมั่นคงและการป้องกันแห่งชาติของยูเครนประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกส่วนของประเทศภายใต้การควบคุมของรัฐบาล ยกเว้น 2 ดินแดนภายใต้การยึดครองของกลุ่มฝักใฝ่รัสเซีย ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์

คาดว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะได้รับการอนุมัติจากรัฐสภายูเครนภายใน 48 ชั่วโมง และจะมีผลเป็นเวลา 30 วัน โดยมีความเป็นไปได้ที่จะขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน

 

โอเล็กซี ดานีลอฟ เลขาธิการสภาความมั่นคงและการป้องกันแห่งชาติของยูเครน กล่าวว่า เป้าหมายหลักของสหพันธรัฐรัสเซียคือการทำให้ยูเครนไม่มั่นคงจากภายใน เราตัดสินใจวันนี้และเพื่อบรรลุเป้าหมาย เพื่อป้องกันสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น

ดานีลอฟกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวในกรุงเคียฟด้วยว่า สถานการณ์ฉุกเฉินจะรวมถึงการเสริมสร้างความสงบเรียบร้อยของประชาชนและความปลอดภัยในสิ่งอำนวยความสะดวกด้านโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ และการตรวจสอบการเคลื่อนย้ายการขนส่งบางประเภทอย่างเข้มงวด

“ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในท้องถิ่น อาจมีมาตรการเข้มงวดกว่าหรือเบาบางกว่าเพื่อประกันความมั่นคงของประเทศของเรา ทั้งหมดนี้เป็นมาตรการป้องกัน เพื่อรักษาความสงบและความสงบในประเทศ และเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป” ดานีลอฟเสริม

 

ขณะที่ทางการยูเครนเรียกร้องให้พลเมืองที่อาศัยอยู่ในรัสเซียเดินทางออกนอกรัสเซียทันที เป็นที่คาดกันว่า ชาวยูเครนอาศัยอยู่ในรัสเซีย และหลายคนมีครอบครัวอยู่ในทั้งสองประเทศ เป็นจำนวนมากถึง 3 ล้านคน

นอกจากนี้ ทางการยูเครนเกณฑ์ทหารกองหนุนที่มีอายุระหว่าง 18-60 ปี ตามคำสั่งของประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แล้ว เพื่อเตรียมรับมือการรุกรานจากเพื่อนบ้าน

ส่วนนักการทูตรัสเซียประจำกรุงเคียฟ สื่อรัสเซีย ตาสส์ และ เอเอฟพี ยืนยันการอพยพแล้ว หลังกระทรวงต่างประเทศรัสเซียประกาศเมื่อวานนี้

 

วันเดียวกัน ประธานาธิบดีเซเลนสกีแถลงข่าวในกรุงเคียฟ เมื่อวันพุธร่วมกับประธานาธิบดีอันด์แชย์ ดูดา ของโปแลนด์ และประธานาธิบดีกีตานัส นาวเซดา ของลิทัวเนีย ว่า อนาคตความมั่นคงของยุโรปตอนนี้กำลังถูกตัดสินที่นี่ – ในยูเครน

“เรามีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในการประเมินอาชญากรรมของสหพันธรัฐรัสเซีย นี่เป็นอีกหนึ่งการกระทำที่ก้าวร้าวต่อยูเครน อำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนของเรา” ผู้นำยูเครนกล่าวและเรียกร้องการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างเข้มงวด

หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวเมื่อวันอังคารที่ 22 ก.พ. ว่า สหรัฐจะคว่ำบาตรสถาบันการเงินและผู้มีอำนาจของรัสเซีย นอกจากนี้ สหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป แคนาดา ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ยังประกาศคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่

“การปรากฏตัวของกองทัพของสหพันธรัฐรัสเซียในดินแดนดอนบาสที่ถูกยึดครองอยู่ในคราบของเครื่องแบบของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน และตอนนี้เราเห็นแล้วว่า นี่เป็นการออกจากข้อตกลงมินสค์เพียงฝ่ายเดียว”ประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าว โดยอ้างการประกาศของรัสเซียว่า ข้อตกลงมินสค์ ซึ่งออกแบบมาเพื่อนำสันติภาพมาสู่ภูมิภาคตะวันออกของยูเครน ไม่ได้ใช้อีกต่อไปแล้ว

“นี่เป็นการบ่อนทำลายความพยายามของยูเครนและระดับนานาชาติในการควบคุมสถานการณ์ในดอนบาสของยูเครน การตอบสนองของประชาคมระหว่างประเทศต่ออาชญากรรมนี้ควรเด็ดขาด ทันที และรุนแรง เราจำเป็นต้องหยุดโครงการท่อก๊าซนอร์ดสตรีม (Nord Stream) โดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้กับยูเครนและยุโรปอยู่แล้ว” ผู้นำยูเครนเสริม

ด้านประธานาธิบดีดูดาแห่งโปแลนด์ กล่าวว่า “เราทุกคนกำลังเดินอยู่บนเส้นทางแคบๆ ระหว่างสันติภาพ การพัฒนาที่มีเสถียรภาพและสงคราม โปแลนด์ประณามการตัดสินใจของปูตินเกี่ยวกับการยอมรับเอกราช 2 ดินแดนกลุ่มแบ่งแยกดินแดน”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ไบเดนเมินคุยผู้นำหมีขาวปมรุกยูเครน ปูติน ย้ำความมั่นคงรัสเซีย “เจรจากันไม่ได้”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน