ชายมะกัน “ปลูกถ่ายหัวใจหมู” คนแรกของโลก-เสียชีวิตแล้วหลังผ่าตัด 2 เดือน

ชายมะกัน “ปลูกถ่ายหัวใจหมู” – วันที่ 10 มี.ค. บีบีซี รายงานว่า นายเดวิด เบนเนตต์ อายุ 57 ปี ชายชาวอเมริกัน ผู้ได้รับการ ปลูกถ่ายหัวใจหมู เป็นคนแรกของโลก และกลายเป็นข่าวฮือฮาถึงความสำเร็จครั้งสำคัญทางการแพทย์ เสียชีวิตลงแล้วเมื่อวันที่ 8 มี.ค. ราว 2 เดือนหลังได้รับการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคหัวใจเรื้อรังโดยคณะแพทย์ประจำศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา

ชายมะกัน “ปลูกถ่ายหัวใจหมู”

The first person in the world to get a heart transplant from a genetically-modified pig has died. David Bennett, who had terminal heart disease, survived for two months following the surgery in the US. But his condition began to deteriorate several days ago, his doctors in Baltimore said, and the 57-year-old died on 8 March. /Twitter/

ด้านสำนักข่าวเอพีระบุจากนายแพทย์บาร์ตลีย์ กริฟฟิธ แพทย์ผู้ผ่าตัด ว่าช่วง 2-3 สัปดาห์แรกนายเบนเนตต์มีอาการปกติดีและได้ใช้เวลาทำกิจกรรมกับครอบครัว แต่ต่อมาอาการทรุดต่อเนื่องกระทั่งเสียชีวิตในที่สุด

อย่างไรก็ตาม นายเดวิด จูเนียร์ เบนเนตต์ ลูกชาย กล่าวว่าแม้จะเสียใจที่ผู้เป็นพ่อเสียชีวิต แต่การปลูกถ่ายทัวใจหมูในมนุษย์ถือเป็นก้าวแรกของความหวังในการรักษาโรคด้วยวิธีนี้

คนแรกของโลก-เสียชีวิตแล้วหลังผ่าตัด 2 เดือน

Surgeon Bartley P. Griffith with patient David Bennett. Credit: University of Maryland School of Medicine /Univ. of Maryland Medical Center @UMMC/

ชายมะกัน “ปลูกถ่ายหัวใจหมู”

Doctors at the University of Maryland Medical Center were granted a special dispensation by the US medical regulator to carry out the procedure, on the basis that Mr Bennett – who was ineligible for a human transplant – would otherwise have died. He had already been bedridden for six weeks leading up to the surgery, attached to a machine which was keeping him alive. Credit: University of Maryland School of Medicine /Univ. of Maryland Medical Center @UMMC/

ชายมะกัน “ปลูกถ่ายหัวใจหมู”

Surgeons show off the pig heart used in David Bennett’s transplant. Credit: ZUMA Press, Inc/Alamy Stock Photo

คนแรกของโลก-เสียชีวิตแล้วหลังผ่าตัด 2 เดือน

Credit: University of Maryland School of Medicine /Univ. of Maryland Medical Center @UMMC/

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน