ปลดฟ้าผ่าพลเอก บิ๊กข่าวกรองฝรั่งเศสทำรัฐคาดผิดรัสเซียไม่บุกยูเครน

ปลดฟ้าผ่าพลเอก – วันที่ 31 มี.ค. บีบีซีรายงานว่า พลเอกอิริก วิดู หัวหน้าฝ่ายข่าวกรองของกองทัพฝรั่งเศส ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง หลังคาดเดาผิดพลาดว่าโอกาสที่กองทัพรัสเซียจะรุกรานยูเครนนั้นมีต่ำมาก ขณะที่แหล่งข่าวกองทัพเปิดบ่งชี้ว่าอาจเป็นเพียงแพะรับบาป

รายงานระบุว่า พล.อ.วิดู เพิ่งเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองของกองทัพฝรั่งเศสเมื่อ 7 เดือนที่ผ่านมา และถูกทางการฝรั่งเศสกล่าวโทษว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ฝรั่งเศสเข้าใจสถานการณ์ผิดพลาด เนื่องมาจากมีความสามารถไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ของนายพลผู้นี้

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังทางการฝรั่งเศสเคยออกมากล่าวถึงความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะรุกรานยูเครนในช่วงก่อนเกิดสงครามยูเครน ว่าเป็นไปได้น้อยมาก สวนทางกันกับทางการสหรัฐอเมริกาที่ประเมินได้แม่นยำเหมือนจับวาง

แหล่งข่าวระบุว่า พล.อ.วิดู ถูกกล่าวโทษว่าเป็นต้นเหตุของความคลาดเคลื่อนดังกล่าวจากผู้บัญชาการระดับสูงในกองทัพฝรั่งเศส ทว่า แหล่งข่าวภายในกองทัพนั้นระบุถึงพล.อ.วิดู ว่าดูแลด้านข่าวกรองด้านยุทธการ ไม่ใช่ข่าวกรองด้านการประเมินภัยคุกคาม

แหล่งข่าวจากในกองทัพฝรั่งเศสยังยืนยันด้วยว่า พล.อ.วิดู เคยระบุไว้ว่า “รัสเซียนั้นมีแสนยานุภาพเพียงพอที่จะรุกรานยูเครน” ซึ่งต่อมาการรุกรานเกิดขึ้นจริง แปลว่านายพลผู้นี้ไม่ได้ประเมินสิ่งใดที่ผิดพลาด

พลเอกตีแยรี บูคาร์ด ประธานคณะเสนาธิการทหารฝรั่งเศส เคยยอมรับไว้เมื่อเดือนต้นมี.ค. ว่าข่าวกรองของฝรั่งเศสนั้นไม่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าอังกฤษและสหรัฐฯ ที่นำมาเปิดเผยต่อประชาคมโลกเพื่อกดดันประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ก่อนหน้าเกิดสงคราม

“ฝ่ายข่าวกรองของเราประเมินว่ารัสเซียจะต้องสูญเสียกำลังรบมหาศาลหากต้องการยึดครองยูเครนทั้งประเทศ จึงคาดว่าน่าจะใช้วิธีการอื่นในการโค่นล้มรัฐบาลของยูเครนแทน” พล.อ.บูคาร์ด ระบุ

การคาดการณ์ที่ผิดพลาดดังกล่าวยิ่งทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสต้องอับอายมากขึ้น เนื่องจากประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสนั้นสนทนากับพล.อ.วิดู บ่อยครั้ง ก่อนรัสเซียจะเริ่มสงครามในวันที่ 24 ก.พ.

ศาสตราจารย์อเล็กซานเดร ปาปาเอมมานูเอล ผู้เชี่ยวขาญด้านข่าวกรอง กล่าวว่า การโทษหน่วยข่าวกรองทหารถึงความล้มเหลวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องง่าย เสมือนกับการกล่าวโทษต่อฝ่ายข่าวกรองทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม การปลดพล.อ.วิดู นั้นอาจมีเรื่องอื่นเกี่ยวข้องด้วยหลังนายพลผู้นี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ทางการออสเตรเลียยกเลิกสัญญาประกอบเรือดำน้ำพลังงานดีเซลจากฝรั่งเศสกะทันหันแล้วหันไปทำสัญญาซื้อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์จากสหรัฐฯ แทน ส่งผลให้ทางการฝรั่งเศสและสหรัฐฯ เกิดความบาดหมางกันอย่างรุนแรง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน