รัสเซีย จะขายไฟฟ้าแก่ยูเครน จากโรงไฟฟ้ายูเครนที่รัสเซียยึดครอง
วันที่ 20 พ.ค. บีบีซี รายงานว่า ยูเครนปฏิเสธแผนการของ รัสเซีย ที่จะเชื่อมต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของยูเครนเข้ากับโครงข่ายไฟฟ้าของรัสเซีย หลังกองทหารรัสเซียเข้ายึดโรงไฟฟ้าในแคว้นซาโปริฌเฌีย ริมแม่น้ำนีเปอร์ ทางใต้ของยูเครน
โรงไฟฟ้าในแคว้นซาโปริฌเฌียเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เจ้าหน้าที่ยูเครนยังปฏิบัติงานที่นั่น แต่รัสเซียส่งผู้เชี่ยวชาญนิวเคลียร์ของตนเองมาตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ยูเครน
นายมารัต ฮุชนุลลิน รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ประกาศที่จะขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าในแคว้นซาโปริฌเฌียแห่งนี้แก่ยูเครน และว่ารัสเซียจะเชื่อมต่อโรงไฟฟ้าแห่งนี้เข้ากับระบบพลังงานของรัสเซีย หากยูเครนปฏิเสธจ่ายค่าไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแห่งนี้
นายฮุชนุลลินกล่าวระหว่างการเยือนทางใต้ของยูเครนที่รัสเซียยึดครองเมื่อวันพุธที่ 18 พ.ค. ว่า “หากระบบพลังงานของยูเครนพร้อมที่จะรับไฟฟ้าและชำระค่าไฟฟ้า เราจะดำเนินการจ่ายไฟฟ้า แต่หากไม่ดำเนินการเช่นนั้น โรงไฟฟ้าจะผลิตไฟฟ้าแก่รัสเซียเท่านั้น”
นายฮุสนุลลินกล่าวด้วยว่า “ผมคิดว่าอนาคตของภูมิภาคนี้คือการทำงานในครอบครัวรัสเซียที่เป็นมิตรของเรา”
อย่างไรก็ตาม นายเลโอนิด โอลีนิค โฆษกของ แอเนอร์โกอะตอม (Energoatom) หน่วยงานนิวเคลียร์ของยูเครน กล่าวกับบีบีซีว่า การเชื่อมต่อโรงไฟฟ้าแห่งนี้เข้ากับรัสเซียจะต้องใช้เวลาหลายปี
“โรงไฟฟ้าดังกล่าวใช้การเฉพาะในโครงข่ายพลังงานของยูเครน ชาวรัสเซียสามารถสร้างสายไฟฟ้าในทางทฤษฎีได้ แต่จะใช้เวลานาน เช่นเดียวกับสะพานไครเมียของรัสเซียที่จะใช้เวลาหลายปี” นายโอลีนิคอ้างถึงสะพานเชื่อมไครเมีย ซึ่งรัสเซียผนวกเข้ากับดินแดนของตัวเองในปี 2557
“ตอนนี้โรงไฟฟ้ากำลังทำงานในระดับต่ำสุด แต่ยูเครนยังดูแลรับผิดชอบ สายไฟฟ้าทั้งหมดถูกควบคุมโดยยูเครน ถ้อยแถลงของรัสเซียเป็นความปรารถนาอันแรงกล้า” นายโอลีนิคเสริม
ปกติโรงไฟฟ้าในแคว้นซาโปริฌเฌียจะผลิตพลังงานนิวเคลียร์ของยูเครนมากกว่าครึ่งหนึ่ง และร้อยละ 20 ของการจ่ายไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศ แต่ตอนนี้เครื่องปฏิกรณ์ทำงานเพียง 2 เครื่องจากทั้งหมด 6 เครื่อง
กองทัพยูเครนยังควบคุมเมืองซาโปริฌเฌีย ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำนีเปอร์ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังกล่าวตั้งอยู่ในเมืองแอแนร์ฮอดาร์ ที่มีประชากรเกือบ 53,000 คน สร้างขึ้นในสมัยโซเวียตเพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยของคนทำงานโรงไฟฟ้าแห่งนี้
ในเมืองแอแนร์ฮอดาร์มีการประท้วงหลายครั้งเพื่อต่อต้านการยึดครองของรัสเซีย แต่กองกำลังความมั่นคงของรัสเซียยิงแก๊สน้ำตาและปาระเบิดแฟลชเพื่อสลายการชุมนุม
ทั้งนี้ Energoatom ระบุว่า เมื่อวันที่ 3 มี.ค. กองกำลังรัสเซียโจมตีโรงไฟฟ้าในแคว้นซาโปริฌเฌีย และต่อมาเข้าควบคุมอาคารรอบเครื่องปฏิกรณ์เครื่องหนึ่งที่ได้รับความเสียหาย
สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้าระวังนิวเคลียร์แห่งสหประชาชาติ (UN) กล่าวว่า ระดับรังสีและความปลอดภัยของเครื่องปฏิกรณ์ไม่ได้รับผลกระทบ
บรรดาผู้นำโลกประณามรัสเซียสำหรับการโจมตีดังกล่าว และประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี กล่าวหารัสเซียก่อการร้ายด้วยอาวุธนิวเคลียร์
IAEA กล่าวว่าสถานการณ์ที่โรงไฟฟ้าในแคว้นซาโปริฌเฌียตอนนี้ยังเปราะบางและไม่ยั่งยืน เนื่องจากกองทหารรัสเซียให้เจ้าหน้าที่อยู่ภายใต้การเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด พร้อมด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก รอสอะตอม (Rosatom) หน่วยงานนิวเคลียร์ของรัสเซีย และ IAEA กล่าวว่ากำลังพยายามเจรจาเพื่อตรวจสอบสถานที่ดังกล่าว
ส่วนนายโอลีนิค โฆษกของแอเนอร์โกอะตอม กล่าวว่า “พนักงานรู้สึกแย่เนื่องจากแรงกดดันทางเทคนิคมากมาย ชาวรัสเซียจึงทำตัวเป็นผู้ยึดครอง” และว่ารัสเซียกำลังคงทหารราว500 นายและรถหุ้มเกราะ 50 คันที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้
“พวกเขากำลังตรวจสอบเอกสาร ไม่ยอมให้ใครพูดอย่างอิสระและสลายการชุมนุมในเมืองแอแนร์ฮอดาร์” นายโอลีนิคกล่าว และยืนยันว่า “ยูเครนจะปลดปล่อยดินแดนทั้งหมด ไม่มีข้อตกลงกับผู้ยึดครอง”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
รัสเซียถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ “ใหญ่สุด” ในยุโรป เตือนหายนะหนักกว่าเชอร์โนบิล (คลิป)