แม่ช็อก ลูกน้อยเผลอชนตุ๊กตาเทเลทับบีส์ตกแตก ต้องจ่ายค่าเสียหายหลักแสน โทษตัวเอง ไม่ดูลูกให้ดี-ปล่อยลูกซน ก่อนคดีพลิก ชาวเน็ตแห่ไปถล่มร้านยับ!

เมื่อวานนี้ (23 พ.ค. 65) ภาพถ่ายของเด็กชายคนหนึ่งในห้างสรรพสินค้าที่ฮ่องกงกำลังเป็นไวรัลบนอินเตอร์เน็ต เนื่องจากเด็กชายได้เผลอชน “ตุ๊กตาเทเลทับบีส์” จนตุ๊กตาได้รับความเสียหาย และคุณแม่ต้องจ่ายค่าชดเชยถึงหลักแสน ทำชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์นี้กันอย่างดุเดือด

ตามรายงาน เหตุการณ์เกิดขึ้น ณ ห้างสรรพสินค้า Langham Place ย่านมงก๊ก ของฮ่องกง ตุ๊กตาเทเลทับบีส์สีทอง ขนาด 1.8 เมตร ถูกตั้งโชว์อยู่ในร้าน KK Plus ซึ่งเป็นจำหน่ายของเล่น

คุณแม่เล่าว่า ตอนนั้นเธอกำลังสนใจอย่างอื่นอยู่ ไม่ได้เฝ้าดูลูกชายอย่างใกล้ชิด ต่อมาเธอได้ยินเสียงดังครึกโครม เมื่อหันไปมองก็พบว่าตุ๊กตาเทเลทับบีส์ได้ล้มลงอยู่ที่พื้น ซึ่งพนักงานของร้านได้แจ้งเธอว่าลูกชายของเธอเป็นคนทำ

โดยตุ๊กตาเทเลทับบีส์ตัวนี้ มีข้อความระบุไว้ตรงฐานว่า มีมูลค่า 52,800 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว ๆ 230,000 บาท ห้ามจับ ห้ามแตะต้อง หากมีความเสียหายเกิดขึ้นจะต้องชดใช้ ซึ่งตอนนั้นเธอมองว่ามันเป็นความประมาทของลูกชาย จึงยอมจ่ายเงินชดเชยไป 33,600 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว ๆ 150,000 บาท

อย่างไรก็ตาม หลังจากเธอได้ดูวิดีโอเหตุการณ์ทั้งหมด เธอรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสมเหตุสมผลนักที่เธอต้องจ่ายค่าเสียหายราคาแพง จากวิดีโอลูกชายของเธอได้ถอยหลังไปพิงตุ๊กตาเทเลทับบีส์ เพียงแค่แว๊บเดียวเท่านั้นตุ๊กตาก็ล้มลง ซึ่งลูกชายของเธอผิดก็จริง แต่ทางร้านก็ไม่ควรนำตุ๊กตาราคาแพงมาตั้งไว้บริเวณหน้าร้าน โดยที่ไม่มีมาตรการป้องกัน หรือราวกั้นใด ๆ ทำเอาชาวเน็ตแห่ไปถล่มเพจของร้านทันที

ล่าสุด (24 พ.ค. 65) ทางร้าน KK Plus ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า เหตุการณ์นี้ได้รับการแก้ไขด้วยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย โดยทางร้านได้ไกล่เกลี่ยกับแม่ของเด็ก ซึ่งแม่ของเด็กได้เสนอชดใช้ค่าเสียหาย ส่วนเรื่องของราคา เนื่องจากตุ๊กตาเทเลทับบีส์ตัวนี้เป็นงานออกแบบมีลิขสิทธิ์ และเป็นรุ่นแรกที่ผลิตออกมา จึงทำให้มีราคาค่อนข้างสูง

พร้อมเน้นย้ำว่า ตุ๊กตาเทเลทับบีส์ถูกวางโชว์ไว้ที่หน้าร้านตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และไม่เคยสร้างหรือก่อความไม่สะดวกใด ๆ ให้แก่ผู้คนในร้าน อย่างไรก็ตามทางร้านจะตรวจสอบมาตรการป้องกันอีกครั้ง และเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดแรงกดดันจากสาธารณชนกับทั้งสองฝ่าย ทางร้านจะติดต่อและหารือกับคู่กรณีต่อไป

ขอบคุณที่มา hk01, เพจลุยจีน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน