ตม.ขวางปธน.ศรีลังกา-วันที่ 12 ก.ค.เอเอฟพีรายงานสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในศรีลังกาว่า นายโกตาบายา ราชปักษา อายุ 73 ปี ประธานาธิบดีศรีลังกาล้มเหลวที่จะหนีออกนอกประเทศ หลังจากพยายามหนีไปนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี แต่ไม่สำเร็จเนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขัดขวางที่สนามบิน

นายโกตาบายา ราชปักษา ประธานาธิบดีศรีลังกายังได้รับเอกสิทธิคุ้มครองไม่ต้องถูกจับกุม

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายราชปักษาสัญญาว่าจะลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 13 ก.ค. 2565 และเปิดทางให้มีการเปลี่ยนผ่านทางอำนาจอย่างสันติ และจะเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ หลังจากประชาชนพากันประท้วงบุกยึดบ้านพักนายราชปักษา เพราะโกรธแค้นที่รัฐบาลบริหารประเทศล้มเหลวจนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ

ม็อบบุกยึดทำเนียบบ้านพักในกรุงโคลอมโบทำให้นายราชปักษาต้องหนีไปยังฐานทัพเรือ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเมื่อวันเสาร์ที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมาและต้องการเดินทางไปยังนครดูไบ และจากการที่นายราชปักษาได้เอกสิทธิคุ้มครองไม่ต้องถูกจับกุม จึงเชื่อว่านายราชปักษาต้องการหนีออกนอกประเทศก่อนลาออกเพื่อหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ที่จะถูกจับกุมดำเนินคดีในอนาคต

ชายคนหนึ่งเล่นน้ำในสระว่ายน้ำที่บ้านพักทำเนียบประธานาธิบดีศรีลังกา หลังจากถูกกลุ่มผุ้ประท้วงบุกยึด เมื่อ 10 ก.ค. (รอยเตอร์)

ต่อมาในเหตุการณ์ที่สนามบินในวันที่ 12 ก.ค. นายราชปักษายืนยันว่าจะไม่ใช้เส้นทางเข้าสนามบินที่จัดไว้ให้สำหรับประชาชนทั่วไปเนื่องจากเกรงว่าผู้ใช้บริการสนามบินคนอื่นๆจะรุมแก้แค้นแต่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองปฏิเสธไม่ให้นายราชปักษาเข้าไปรอขึ้นเครื่องบินที่ห้องรับรองบุคคลสำคัญหรือวีไอพีเพื่อประทับตราลงบนหนังสือเดินทาง นายราชปักษาและภรรยาต้องค้างคืนที่ฐานทัพติดกับสนามบินหลักหลังพลาดเที่ยวบินที่อาจพาทั้งสองไปนครดูไบ

ทำเนียบประธานาธิบดียังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากว่านายราชปักษาหนีไปอยู่ที่ไหน แต่แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหมระบุว่า อีกทางเลือกหนึ่ง นายราชปักษาอาจนั่งเรือกองทัพหนีไปประเทศอินเดียหรือมัลดีฟส์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมระบุว่า ทีมผู้ช่วยด้านทหารของประธานาธิบดีกำลังหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการพานายราชปักษาและคณะผู้ติดตามเดินทางไปต่างประเทศโดยทางเรือกองทัพ

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมระบุว่า ทางเลือกที่ดีที่สุดในขณะนี้คือ พาประธานาธิบดีหนีไปทางเรือ โดยอาจไปมัลดีฟส์หรืออินเดียและขึ้นเครื่องไปนครดูไบ ส่วนอีกทางเลือก คือนั่งเครื่องบินเหมาลำไปยังสนามบินนานาชาติที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศที่เมืองมัตตาลา ซึ่งเปิดบริการเมื่อปี 2556 บ้านเกิดของนายมหินทรา ราชปักษา ประธานาธิบดีในขณะนั้นและเป็นพี่ชายของนายโกตาบายา

ก่อนหน้านี้ เรือของกองทัพเรือนำนายราชปักษาและคณะไปยังเมืองท่าตรินโคมาลี ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ จากนั้นขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับไปยังสนามบินนานาชาติในวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา

ด้านนายบาซิล น้องชายคนสุดท้องของตระกูลราชปักษา ซึ่งลาออกจากตำแหน่งรมว.การเงินไปแล้วในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมานั้น พลาดเที่ยวบินไปนครดูไบที่มีกำหนดออกเดินทางช่วงเช้าของวันที่ 12 ก.ค. หลังจากถูกเจ้าหน้าที่สนามบินปฏิเสธการเดินทางออกนอกประเทศเช่นกัน โดยนายบาซิลพยายามขึ้นเครื่องบินโดยใช้บริการเส้นทางขึ้นเครื่องด่วนสำหรับนักธุรกิจ แต่เจ้าหน้าที่สนามบินและจากสำนักตรวจคนเข้าเมืองงดให้บริการดังกล่าว โดยกำหนดให้มีผลทันที เจ้าหน้าที่สนามบินระบุว่ามีผู้โดยสารจำนวนหนึ่งประท้วงไม่ให้นายบาซิลขึ้นเครื่องบิน เป็นสถานการณ์ที่ตึงเครียด นายบาซิลจึงรีบออกจากสนามบิน

………..

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปธน.ศรีลังกา “หนีม็อบ” บุกยึดทำเนียบพัก สื่อแฉโผล่สนามบิน-ส่อเผ่นออกนอก (คลิป)

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน