วันที่ 12 ก.พ. ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ทางการฮ่องกงบุกค้นร้านต้องสงสัยขายเนื้อสุนัขและแมวเพื่อเป็นอาหาร หลังจากการกินเนื้อสุนัขและแมวถูกทางการฮ่องกงบัญญัติให้ผิดกฎหมายกว่า 70 ปีหรือตั้งแต่ปีค.ศ.1950 หรือปีพ.ศ.2493
เจ้าหน้าที่ยึดตัวอย่างของเนื้อสุนัขและแมวที่ร้านแห่งหนึ่งในเขตเหยาหม่าไถ ย่านการค้าและประชาชนอาศัยอย่างหนาแน่น ของพื้นที่เกาลูน ในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างกรมการเกษตร การประมงและการอนุรักษ์ และกรมอนามัยสิ่งแวดล้อมและอาหารเมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังได้รับรายงานว่ามีการขายเนื้อสุนัขและแมว
เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมตรวจสอบตัวอย่างชิ้นเนื้อที่ยึดมาได้ และสืบสวนว่าร้านแห่งนี้ขายเนื้อสดโดยไม่มีใบอนุญาตหรือไม่
เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า จากการสอบสวนขององค์กรสื่อท้องถิ่น ก่อนหน้านี้ พบบัญชีผู้ใช้แอพพลิเคชั่นวีแชตจากจีนแผ่นดินใหญ่อ้างว่าเนื้อสุนัขและแมว รวมถึงสินค้าท้องถิ่นอื่นๆ อาจถูกส่งโดยตรงจากเมืองไคผิง มณฑลกวางตุ้ง ไปยังฮ่องกงโดยตรง และร้านแห่งหนึ่งบนถนนรีเคลมเมชั่น สตรีตขายสินค้าดังกล่าว
การกินเนื้อสุนัขและแมวถูกห้ามในฮ่องกงตั้งแต่ปีค.ศ.1950 ภายใต้กฎหมายฮ่องกง ซึ่งกำหนดว่า ห้ามใครก็ตามเชือดสุนัขและแมวเพื่อใช้เป็นอาหารไม่ว่า สำหรับมุนษย์หรือเพื่อการอื่นใด และห้ามใครก็ตามขายหรือใช้หรืออนุญาตให้ขายหรือใช้เนื้อของสุนัขและแมวสำหรับอาหาร ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 640 ดอลล่าร์สหรัฐหรือราว 20,000 บาทและจำคุก 6 เดือน
การบุกจับร้านดังกล่าวทำให้สมาชิกสภานิติบัญญัติและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์เรียกร้องให้เพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้มากขึ้น นายแกรี่ ชาน สมาชิกสภานิติบัญญัติฮ่องกงระบุว่า การขายเนื้อแมวและเนื้อสุนัขเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้
“ฮ่องกงบัญญัติให้การกินเนื้อแมวและสุนัขเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายมากว่า 70 ปี เหตุการณ์นี้เน้นย้ำว่า ความถี่ในการตรวจตราจากหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายยังไม่เพียงพอ” นายชานกล่าว
การบุกค้นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังสื่อรายงานว่า เนื้อสุนัขและแมวแช่แข็งอาจถูกพบวางขายในราคาราว 12 ดอลล่าร์สหรัฐต่อ 1.3 ปอนด์ หรือราว 580 กรัม ราคาเท่าเนื้อวัวสำหรับปรุงอาหาร
สมาคมมนุษยธรรมนานาชาติ (Humane Society International-HSI) ระบุว่า ในแต่ละปี ทั่วโลกมีสุนัขจำนวนราว 30 ล้านตัวและแมวจำนวนราว 10 ล้านตัวถูกเชือดอย่างทารุณ การบริโภคในหลายพื้นที่ของทวีปเอเชียเกิดจากการค้าและการเชือดที่ผิดกฎหมาย
………..
