ชาวเมืองฮัลชตัทวอน – บีบีซี รายงานเหตุการณ์สุดแปลกใน ประเทศออสเตรีย หลังจากชาว เมืองฮัลชตัท ทางตอนเหนือของประเทศ ยืนกรานไม่ต้องการให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในเมืองมากเกินไป สวนทางกับที่อื่นๆ ทั่วโลกซึ่งปกติจะยินดีกับการมาเยือนของกลุ่มทัวร์และนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
เมืองฮัลชตัทได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เมื่อปี 2540 มีประชากรประมาณ 700 คน แต่ต้องต้อนรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 10,000 คนต่อวันในช่วงไฮซีซั่น จนชาวบ้านต้องเรียกร้องให้ทางการท้องถิ่นจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวและห้ามรถทัวร์เข้าเมืองหลังเวลา 17.00 น.
แม้การท่องเที่ยวส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของเมืองฮัลชตัท แต่ชาวบ้านหลายคนบ่นว่านักท่องเที่ยวมากเกินไป เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพราะวิวทิวทัศน์สวยงามราวกับเทพนิยายและบ้านเรือนแบบโบราณเลียบชายฝั่งทะเลสาบอัลไพน์ซึ่งโอบล้อมด้วยเทือกเขาสูงชัน
ในปี 2549 กองถ่ายภาพยนตร์จากเกาหลีใต้เดินทางมาถ่ายทำหนังที่เมืองฮัลชตัท อีก 6 ปีต่อมาจีนสร้างเมืองจำลองบรรยากาศเมืองริมทะเลสาบแห่งนี้จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ถึงอย่างนั้นเมืองฮัลชตัทต้นแบบยังคงเป็นสถานที่ปักหมุดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ
ปัจจุบันปัญหาของเมืองฮัลชตัทคล้ายกับเมืองเวนิสในอิตาลีที่รองรับนักท่องเที่ยวมากเกินไปเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมจนทางการต้องใช้มาตรการควบคุม
ขณะที่ชาวเมืองฮัลชตัทเลือกตอบโต้การหลั่งไหลของกรุ๊ปทัวร์ที่มากเกินไปด้วยการนำรั้วไม้มาตั้งบดบังทัศนียภาพริมทะเลสาบเป็นระยะๆ โดยให้เหตุผลว่านักท่องเที่ยวก่อมลพิษทางเสียงและทำให้การจราจรติดขัด แต่ต่อมาต้องรื้อถอนรั้วไม้ออกเพราะถูกกระแสต่อต้านบนโลกออนไลน์ ด้านนายกเทศมนตรีเมืองฮัลชตัทมีแนวคิดว่าจะลดจำนวนรถบัสนำเที่ยวลงราวๆ 1 ใน 3
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: