วันที่ 12 ก.ย.เอเอฟพีรายงานว่า ขณะนี้นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนืออยู่ในประเทศรัสเซียในทริปเยือนต่างประเทศที่หาได้ยาก และมีกำหนดพบหารือกับนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐเตือนเกี่ยวกับข้อตกลงด้านอาวุธในสงครามยูเครนระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือ
สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือหรือเคซีเอ็นเอเผยแพร่ภาพนายคิมสวมสูทดำขนาบข้างด้วยเจ้าหน้าที่กลาโหมนอกเครื่องแบบ โดยมีการปูพรมแดงและเจ้าหน้าที่อารักขาเกียรติยศเต็มคณะมาส่งนายคิมขึ้นรถไฟกันกระสุน นายคิมโบกมือที่บริเวณประตูรถไฟ ขณะรถไฟออกจากสถานีรถไฟกรุงเปียงยางเมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 10 ก.ย.ตามเวลาท้องถิ่น
สำนักข่าวเรีย โนวอสติ สื่อทางการรัสเซียยืนยันว่า รถไฟของนายคิมข้ามพรมแดนมายังดินแดนปรีมอร์สกี เขตปกครองทางภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย โดยนายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียระบุว่า ผู้นำทั้งสองจะหารือกันที่ดินแดนปรีมอร์สกี และเป็นไปได้ที่จะหารือกันนอกรอบของการประชุมสุดยอดด้านเศรษฐกิจของตะวันออกไกลในนครวลาดิวอสต็อก เมืองที่ตั้งอยู่ใกล้ชิดกับพรมแดนเกาหลีเหนือและรัสเซียมากที่สุด การประชุมในกรอบดังกล่าวมีกำหนดจนถึงวันพุธที่ 13 ก.ย.นี้
นายแมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า ในการพบหารือนายคิมแสดงถึงความสิ้นหวังของนายปูติน
“การที่ต้องเดินทางข้ามความยาวของประเทศตนเองเพื่อไปเจอคนนอกคอกที่นานาชาติคว่ำบาตร เพื่อขอความช่วยเหลือในสงคราม ซึ่งเขาคาดหวังว่าจะชนะตั้งแต่เดือนที่เปิดฉากการบุกรุก ผมคงจะบอกว่า เขากำลังวิงวอนขอความช่วยเหลือ” นายมิลเลอร์กล่าว
ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวเตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เกาหลีเหนือจะต้องชดใช้ หากส่งอาวุธให้รัสเซียในสงครามยูเครน
Advertisement
และผู้เชี่ยวชาญระบุว่า รัสเซียมีแนวโน้มที่จะแสวงหากระสุนปืนใหญ่และจรวดต่อต้านรถถังจากเกาหลีเหนือ ซึ่งฝ่ายเกาหลีเหนือต้องการเทคโนโลยีดาวเทียมที่ก้าวหน้าและเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์เป็นการตอบแทน ซึ่งนายคิมเดินทางพร้อมกับคณะเจ้าหน้าที่ทหาร รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการผลิตอาวุธและเทคโนโลยีอวกาศ
นายลีฟ เอริก อีสลีย์ ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยอีฮวา เกาหลีใต้วิเคราะห์ว่า เนื่องจากผลประโยชน์ของนายคิมในการแสวงหาความได้เปรียบในเชิงภูมิศาสตร์การเมืองต่อสงครามเย็นรอบใหม่และความชอบในการเดินทางโดยรถไฟเพื่อความปลอดภัยส่วนบุคคล จึงไม่แปลกใจที่นายคิมเลือกเยือนรัสเซียเป็นประเทศแรกหลังจากการระบาดของโรคโควิด-19
นายอันเดรีย ลานคอฟ ผู้เชี่ยวชาญเกาหลีเหนือจากมหาวิทยาลัยกุกมินในเกาหลีใต้ระบุว่า การประชุมร่วมกันของนายปูตินและนายคิมเป็นส่วนหนึ่งของการข่มขู่ทางการทูตอย่างนุ่มนวลต่อเกาหลีใต้ เนื่องจากรัสเซียไม่ต้องการให้เกาหลีใต้ส่งอาวุธให้ยูเครน ทั้งนี้ เกาหลีใต้เป็นผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่และขายรถถังให้โปแลนด์ พันธมิตรยูเครน แต่จากนโยบายภายในของเกาหลีใต้ห้ามไม่ให้ขายอาวุธให้คู่ขัดแย้งที่ยังสู้รบกันอยู่
“ความกังวลที่ยิ่งใหญ่ของรัฐบาลรัสเซียในขณะนี้คือ รัฐบาลเกาหลีใต้อาจส่งกระสุนปืนให้ยูเครน ไม่เพียงการส่งแค่ครั้งเดียวแต่ทยอยส่งหลายครั้ง ” นายลานคอฟกล่าว
ที่ผ่านมา นายคิมแน่วแน่ในการสนับสนุนการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ซึ่งรัฐบาลสหรัฐระบุว่า นายคิมจัดส่งจรวดและขีปนาวุธให้รัสเซีย โดยในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา นายปูตินยกย่องการสนับสนุนที่มั่นคงของรัฐบาลเกาหลีเหนือในปฏิบัติการพิเศษทางทหารต่อต้านยูเครน
แต่ทั้งรัสเซียและเกาหลีเหนือปฏิเสธว่า เกาหลีเหนือส่งหรือจะส่งอาวุธไปยังรัสเซีย ซึ่งใช้กระสุนปืนในคลังไปจำนวนมากแล้ว นับตั้งแต่การบุกยูเครนเมื่อต้นปี 2565 ส่วนนายคิมไม่เดินทางออกนอกประเทศนับตั้งแต่การเริ่มแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเยือนต่างประเทศครั้งล่าสุดคือในปี 2562 ซึ่งเยือนรัสเซียเพื่อพบปะกับนายปูตินเช่นกัน
…………..
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:
• คิมจองอึนจ่อเยือนรัสเซีย เผยกำหนดพบปูติน-ยกระดับความร่วมมือ