วันที่ 2 มี.ค. บีบีซีรายงานสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนบังกลาเทศ-พม่า หลังจากกองทัพพม่านำกำลังประชิดชายแดนใกล้ที่ตั้งค่ายพักพิงของชาวมุสลิมโรฮิงยามากกว่า 5,000 คนซึ่งหนีตายจากการปะทะนองเลือด ซึ่งนำไปสู่การลี้ภัยของชาวโรฮิงยารัฐยะไข่ราว 700,000 คนในบังกลาเทศตั้งแต่เดือนส.ค.ปีก่อน
ทางการบังกลาเทศเรียกพบทูตพม่าเพื่อตำหนิว่าการกระทำดังกล่าวจะยิ่งสุมเชื้อไฟความขัดแย้งบริเวณชายแดน รวมถึงกดดันให้กองทัพพม่าเร่งถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ชายแดน
รายงานระบุว่าเจ้าหน้าที่ทหารพม่าราว 100-200 นายปรากฏตัวใกล้ค่ายพักพิงชาวโรฮิงยาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยพื้นที่ดังกล่าวติดกับรั้วกั้นพรมแดน แม้จะอยู่ในอาณาเขตของพม่า แต่ตามหลักสากลถือว่าเป็นพื้นที่ไร้ผู้ครอบครอง
นอกจากนี้ยังพบว่ามีอาวุธยุทโธปกรณ์ร้ายแรง ทั้งปืนกล และปืนครก ส่งผลให้หลายฝ่ายวิตกกังวลว่าจะเกิดเหตุกวาดล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงยาเช่นเดียวกับกรณีฆ่าหมู่ในการปราบปรามกองกำลังปลดปล่อยชาวอาระกันโรฮิงยา (อาร์ซา) เมื่อเดือนส.ค. ซึ่งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประเมินว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9,000 ราย
นายดิล โมฮัมเหม็ด หนึ่งในแกนนำชุมชนชาวโรฮิงยา ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลประกาศผ่านลำโพงขยายเสียงกับผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงยาว่าให้ออกไปจากพื้นที่ตั้งค่ายพักพิงดังกล่าว
“พวกเขานำบันไดอย่างน้อย 14 อันมาเพื่อข่มขู่ด้วยการพยายามปีนข้ามรั้วกั้นพรมแดนเพื่อจะเข้ามาในค่ายของพวกเรา”นายโมฮัมหมัด อาริฟ ชาวโรฮิงยาอีกคน กล่าว
ด้านพลจัตวามูชิบูร์ ราห์มาน เจ้าหน้าที่หน่วยตรวจชายแดนของบังกลาเทศ กล่าวว่าการเคลื่อนกำลังทหารของพม่าเข้าข่ายละเมิดบรรทัดฐานระหว่างประเทศ และบังกลาเทศขอเรียกร้องให้พม่าเร่งถอนทหาร รวมถึงอาวุธหนักในทันที