เอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 2 มี.ค. ว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์ตำหนิประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ละเมิดสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (ไอเอ็นเอฟ) หลังเปิดแถลงทางโทรทัศน์โหมโรงก่อนการเลือกตั้ง ว่ากองทัพรัสเซียประสบความสำเร็จในการพัฒนาขีปนาวุธร่อนติดหัวรบนิวเคลียร์ที่มีแสนยานุภาพสูง และสามารถยิงได้ถึงทุกที่บนโลก

สหรัฐระบุว่า สนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (ไอเอ็นเอฟ) ทำขึ้นขณะยังเป็นสหภาพโซเวียตลงนามร่วมกันในปี 2530 เป็นข้อตกลงห้ามครอบครอง ผลิต หรือทดสอบขีปนาวุธร่อนที่มีพิสัยยิง 500-5,500 กิโลเมตร และว่าวิดีโอแอนิเมชั่นที่แสดงภาพการโจมตีสหรัฐด้วยนิวเคลียร์ของประธานาธิบดีปูตินนั้นเชยมากๆ

“ถือว่าเป็นความโชคร้ายจริงๆ ที่ต้องดูวิดีโอแอนิเมชั่นเกี่ยวกับการโจมตีสหรัฐด้วยนิวเคลียร์ เราไม่ได้รู้สึกเพลิดเพลินกับการดูเลยสักนิด เราไม่ถือว่านี่เป็นพฤติกรรมของผู้เล่นในระดับนานาชาติที่มีความรับผิดชอบสักเท่าไหร่ ประธานาธิบดีปูตินได้ยืนยันในสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐรู้มานานแล้ว แต่รัสเซียกลับยืนกรานปฏิเสธไปก่อนหน้านี้

Russian President Vladimir Putin (back) stands on the stage as he addresses the Federal Assembly in Moscow, Russia March 1, /Sputnik/Alexei Nikolskyi/Kremlin via REUTERS

รัสเซียพัฒนาระบบอาวุธที่ทำให้เกิดความวุ่นวายมานานกว่าทศวรรษ นั่นคือการละเมิดข้อผูกพันตามสนธิสัญญาโดยตรง” น.ส.เฮตเตอร์ นาวเวิร์ธ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ แถลงและว่ากองทัพสหรัฐเตรียมพร้อมเต็มกำลัง และจะตอบสนองต่ออะไรก็ตามที่มุ่งหน้ามายังอาณาเขตของประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีรายงานตอกย้ำความสัมพันธ์ย่ำแน่ระหว่างสองประเทศ เมื่อรัสเซียขกยกเลิกการเจรจาด้านยุทธศาสตร์กับสหรัฐที่เดิมกำหนดไว้วันที่ 6-7 มี.ค. ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐยกเลิกการเจรจาความมั่นคงทางไซเบอร์กับรัสเซียก่อน ท่าทีอันไม่เป็นมิตรดังกล่าวทำให้รัสเซียเห็นว่าคงจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้

วันเดียวกัน ทางการสหรัฐอนุมัติโครงการขายขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถีแจฟลินให้กับกองทัพยูเครนอย่างเป็นทางการ ภายหลังรัฐบาลยูเครนซึ่งมีกรณีพิพาทแย่งดินแดนกับรัสเซีย ติดต่อขอซื้อเครื่องยิงขีปนาวุธดังกล่าว 37 เครื่อง และขีปนาวุธอีก 210 ลูก ในราคา 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,480 ล้านบาท

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน