แม่ตกใจข้อความแปลกๆ ศพลูกชายเพิ่งเผา เสียชีวิตต่อหน้า ทำขนลุก ช็อกทั้งครอบครัว
เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานเรื่องราวที่กำลังเป็นที่ฮือฮาชวนขนลุกที่เกิดขึ้นในแคนาดา กรณีคุณแม่รายหนึ่งอยู่ในภาวะเศร้าโศกเสียใจอย่างหนัก เมื่อนายฌอน คอกซ์ ลูกชายวัย 43 ปีของเธอเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตาของเธอ หลังจากป่วยและรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองออตตาวา
ตามรายงานเผยว่า คุณแม่และครอบครัวก็วางแผนเรื่องงานศพของลูกชาย เพื่อเป็นเกียรติแก่ความตั้งใจของเขา ซึ่งกลายเป็นผู้บริจาคอวัยวะ หลังจากที่เขาเสียชีวิต แต่แล้วในวันพวกเขาเผาร่างของลูกชายนั้นเอง เธอก็ได้รับข้อความทางโทรศัพท์ที่ส่งมาจากลูกชายเพื่อขอเงิน

ภาพประกอบ
ในตอนแรก สามีของเธอ มองว่า เป็นข้อความจากแก๊งมิจฉาชีพปลอมตัวเป็นลูกชาย เพื่อหลอกให้โอนเงิน ทว่าอีกวันหนึ่งเธอก็ได้รับข้อความเช่นเดิม เธอจึงตัดสินใจโทรกลับไป แต่ที่ทำให้เธอตกใจทำขนลุกซู่ เพราะคนที่รับสายนั้น มีเสียงพูดที่เหมือนลูกชายของเธอที่เพิ่งตายไป
ภายหลังทางครอบครัวจึงได้ขอความช่วยเหลือจากตำรวจในการตามรอยโทรศัพท์จนพบตัวลูกชายของพวกเขาที่ห้องพักของเขาในที่สุด

ภาพประกอบ
ทางแม่รายนี้ เล่าว่า เธอดีใจมากที่ลูกชายยังไม่ตาย แต่ก็เสียใจเก้อไปแล้ว และยังมีคำถามต่อไปว่า ถ้าหากลูกชายของเธอยังมีชีวิตอยู่ แล้วใครคือคนป่วยในโรงพยาบาลที่เสียชีวิตไปตรงหน้าเธอภายใต้ชื่อของ ฌอน คอกซ์
อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายคอกซ์ลูกชาย เล่าว่า เขาไม่รู้เรื่องการป่วยและการรักษาที่โรงพยาบาลเลยจนกระทั่งพ่อแม่เล่าให้เขาฟัง ชายผู้ต้องต่อสู้กับภาวะติดยาเสพติดมานานหลายปี รู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังได้รับโอกาสครั้งที่ 2 ในการใช้ชีวิต

ภาพประกอบ
ขณะเดียวกันทางผู้เป็นแม่ สันนิษฐานว่า พยาบาลคนหนึ่งของโรงพยาบาลคิดว่าผู้ตายซึ่งก่อนหน้านั้นเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลเนื่องจากเสพยาเกินขนาดราว 2 เดือนก่อนเขาเสียชีวิต คือลูกชายของเธอ เมื่อได้รับการติดต่อจากโรงพยาบาล อินสลีย์ จึงไม่มีความสงสัยเลยว่านั่นจะไม่ใช่ลูกชายของเธอ
นอกจากนี้ เธอเล่าต่ออีกว่า เธอและคนที่บ้านอีก 5 คนที่เคยไปเยี่ยมผู้ตายที่โรงพยาบาลนั้น ไม่เคยถามผู้ป่วยบนเตียงเลยว่าเขาคือ ลูกชายของเธอใช่หรือไม่ เนื่องจากทุกอย่างเหมือนกับลูกชายเธอเกือบทั้งหมด

ภาพประกอบ
หลังจากพบความผิดพลาด นายมาร์ติน โซเว ผู้อำนวยการด้านการสื่อสารของโรงพยาบาลมงต์ฟอร์ตก็แถลงขออภัยครอบครัว อินสลีย์ และครอบครัวของผู้ตายที่ทำให้เกิดสถานการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งจากการตรวจสอบโรงพยาบาลตรวจสอบพบว่ามีการระบุชื่อคนไข้ผิด
ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต