‘ไบเดน’ ลงนามบังคับใช้กฎหมาย ห้ามนำเข้ายูเรเนียมเสริมสมรรถนะจากรัสเซีย ขณะที่ประธานาธิบดีปูตินเยือนปักกิ่ง รุดหารือสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เพื่อขอรับการสนับสนุนในสงครามยูเครน
‘ไบเดน’ ลงนามบังคับใช้กฎหมาย-วันที่ 14 พ.ค.รอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกาลงนามเพื่อบังคับใช้กฎหมายห้ามนำเข้ายูเรเนียมเสริมสมรรถนะจากรัสเซีย ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อต้องการลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย ซึ่งหวังว่าจะนำไปสู่การยุติการพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์จากรัสเซียในท้ายที่สุด นับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของสหรัฐที่ต้องการขัดขวางการบุกยูเครนของนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย
กฎหมายห้ามนำเข้าเชื้อเพลิงยูเรเนียมสำหรับใช้ในโรงงานพลังงานนิวเคลียร์ในกิจการพลเรือนนี้เริ่มมีผลบังคับใช้ในอีกราว 90 วัน อย่างไรก็ตาม กฎหมายอนุญาตให้กระทรวงพลังงานสหรัฐมีสิทธิพิเศษในการนำเข้าแร่ยูเรเนียมจากรัสเซียตามปกติตลอดปีค.ศ.2027 ในกรณีที่เกิดปัญหาด้านการผลิตหรือปริมาณเชื้อเพลิง โดยที่ผ่านมา ร้อยละ 24 ของยูเรเนียมเสริมสมรรถนะจากรัสเซียถูกป้อนให้โรงงานพลังงานนิวเคลียร์หลายแห่งของสหรัฐ
นอกจากนี้ กฎหมายยังปลดล็อกกองทุน 2.7 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐหรือราว 9.9 หมื่นล้านบาทเพื่อนำไปสร้างอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงยูเรเนียมของสหรัฐด้วย
กฎหมายยังเอื้อให้พันธมิตรและหุ้นส่วนสหรัฐบรรลุเป้าหมายหลายประการรวมถึงคำมั่นสัญญาเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว กรณีแคนาดา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและสหราชอาณาจักรลงทุนร่วมกันกับสหรัฐมูลค่า 4.2 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐหรือราว 1.5 แสนล้านบาทเพื่อขยายการเสริมสมรรถนะและความสามารถในการแปลงสภาพจากอนุภาคใหญ่สู่อนุภาคเล็กของแร่ยูเรเนียม
นายอนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำองค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็นกล่าวว่า การตัดสินใจของสหรัฐกำลังทำให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจโลกสั่นสะเทือน แต่จะไม่เกิดผลลัพธ์ตามที่สหรัฐต้องการ
และว่า ตลอดชั่วชีวิตที่ผ่านมายืนยันว่า เศรษฐกิจรัสเซียพร้อมรับความท้าทายใดก็ตามและตอบสนองต่อปัญหาใหม่ๆได้อย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งสร้างเงินปันผลจากสถานการณ์ที่ยากลำบากเสียด้วยซ้ำ ซึ่งครั้งนี้ก็จะเป็นดังนั้นเช่นกัน
ขณะเดียวกันนายปูตินมีกำหนดเยือนจีนวันที่ 16-17 พ.ค.นี้ หารือร่วมกับนายสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เพื่อขอรับการสนับสนุนจากจีนเพิ่มขึ้นกรณีสงครามยูเครน นับเป็นทริปเยือนต่างประเทศครั้งแรกของนายปูตินนับตั้งแต่ได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 5 และนับเป็นการเยือนจีนครั้งที่ 2 ในช่วงเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น
นายอเล็กซานเดอร์ กาเบียฟ ผู้อำนวยการศูนย์คาร์เนกีด้านรัสเซีย-ยูเรเซียศึกษาวิเคราะห์ว่า รัสเซียต้องการให้จีนดำเนินการมากกว่านี้เพื่อสนับสนุนรัสเซีย ซึ่งฝ่ายจีนลังเล เนื่องจากไม่ต้องการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและตะวันตกตกอยู่ในอันตราย
ความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและรัสเซียเกิดขึ้นท่ามกลางการตรวจสอบอย่างละเอียดในหมู่ชาติตะวันตก ธนาคารจีนซึ่งเกรงว่าการลงโทษทางเศรษฐกิจหรือแซงก์ชั่นของสหรัฐอาจตัดธนาคารจีนออกจากระบบการเงินโลก ซึ่งการแซงก์ชั่นเริ่มส่งผลร้ายต่อธุรกิจรัสเซียแล้ว
นายหวัง เวิ่นปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจะแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับประธานาธิบดีปูตินในกรอบความสัมพันธ์สองฝ่ายในหลากหลายสาขา รวมถึงประเด็นที่มีผลประโยชน์ร่วมกันทั้งระดับภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศ
ด้านทำเนียบเครมลิมระบุว่า ผู้นำทั้งสองจะหารือความเป็นหุ้นส่วนที่ครอบคลุมและความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ ตลอดจนนิยามสาขาสำคัญในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างสองประเทศและแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นภูมิภาคและโลก
อ่าน สุดงงโสมเหนือ “ตำหนิสหรัฐ” ส่งมิสไซล์ช่วยยูเครน-ทั้งที่ตัวเองขายอาวุธให้รัสเซีย
อ่าน เพนตากอนประกาศ เร่งส่งขีปนาวุธแพทริออตทันที ก่อนรัสเซียบุกยูเครนรอบใหม่