วันที่ 18 มี.ค. บีบีซีรายงานผลเอ็กซิตโพลการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซีย ว่า นายวลาดิเมียร์ ปูติน อายุ 65 ปี ชนะอย่างไม่มีข้อกังขา ด้วยคะแนนร้อยละ 73.9 จองเก้าอี้ผู้นำสมัยที่ 4 จนถึงปี 2567 ท่ามกลางการฉลองชัยอย่างชื่นมื่นของแรงงาน ขณะที่มีผู้มาใช้สิทธิร้อยละ 63.7 น้อยกว่าเมื่อปี 2555
ปูตินนั่งตำแหน่งผู้นำรัสเซียมานานกว่า 20 ปีทั้งเก้าอี้นายกฯ และประธานาธิบดี เป็นสถิติยาวนานที่สุดของประเทศนับตั้งแต่ยุคของนายโจเซฟ สตาลิน
ผลเลือกตั้งครั้งนี้ ปูตินได้รับคะแนนเพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งก่อนที่ได้ร้อยละ 64 แม้ว่าจะมีผู้คนจำนวนมากไม่พอใจต่อภาวะคอร์รัปชั่น ความยากจน ไปจนถึงความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ลงระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก แต่เพราะไม่มีคู่แข่งที่เทียบชั้นกันได้เลย คนที่ได้คะแนนอันดับสองคือนายพาเวล กรูดินิน ได้คะแนนร้อยละ 11.2
นายปูตินกล่าวว่า ยินดีที่ผลการเลือกตั้งให้สิทธิตนเป็นประธานาธิบดีต่อ ตนมั่นใจว่านโยบายที่นำเสนอนั้นมาถูกทางแล้ว หลังจากย้ำบทบาทของรัสเซียในการเป็นมหาอำนาจโลก ส่งเสริมอาวุธนิวเคลียร์ชนิดใหม่ที่ไร้เทียมทาน
Presidential candidate, President Vladimir Putin votes at a polling station during Russia’s presidential election in Moscow on March 18, 2018. / AFP PHOTO / POOL / Sergei CHIRIKOV
สำหรับรัสเซียมีพื้นที่กว้างใหญ่ มีเขตเวลา 11 เขต คูหาในเขตตะวันออกไกลเปิดเวลา 20.00 น. ตามเวลามาตรฐานโลก และจะปิดที่เมืองคาลินินกราด พรมแดนติดกับประเทศยุโรปที่เวลา 18.00 น. ตามเวลามาตรฐานโลก
เหล่านายทหารไปใช้สิทธิในคูหาที่กรุงมอสโก (AP Photo/Denis Tyrin)
นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า การดำรงตำแหน่งผู้นำมานาน 18 ปีของนายปูตินทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดี ทำให้ชาวรัสเซียจำนวนมากเบื่อและไม่อยากไปเลือกตั้ง จึงเห็นได้ว่ารัฐบาลพยายามทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเพิ่มความชอบธรรมในการปกครองประเทศอีกสมัยของนายปูติน
ชาวรัสเซียถือธงชาติลงไปแช่ในน้ำเย็นยะเยือก เพื่อฉลองวันเลือกตั้ง ที่เมืองโนโวบิร์สก์ (AP Photo/Ilnar Salakhiev)
มีทั้งแจกคูปองส่วนลดค่าอาหาร รวมถึงลดราคาให้คนที่ถ่ายเซลฟี่กับหน่วยเลือกตั้งได้ดีที่สุด รวมถึงเตือนนักเรียนนักศึกษาว่าอาจเจอปัญหาตามาหรือถูกไล่ออกหากไม่ไปออกเสียง รวมถึงหัวหน้าบริษัทได้กดดันลูกจ้างด้วย
ด้านนายอเล็กซี นาวาลนี คู่แข่งคนสำคัญของนายปูติน ซึ่งถูกกันออกจากการลงสมัครรับเลือกตั้งด้วยเหตุผลด้านกฎหมาย กล่าวกระตุ้นให้ชาวรัสเซียคว่ำบาตรการเลือกตั้ง พร้อมส่งผู้สังเกตการณ์กว่า 30,000 คนเพื่อตรวจสอบการเลือกตั้ง และทีมงานเริ่มพิมพ์รายชื่อของความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างเลือกตั้งในจุดเลือกตั้งทุกจุดทั่วประเทศ
