เมื่อ 22 มี.ค. เอพีรายงานว่า บรรดาผู้ประกอบการในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เกษตรกร ผู้ค้าปลีกด้านอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงธุรกิจส่งออกอีกมากมาย พากันหวาดหวั่นใจว่าจะต้องถูกทางการจีนตอบโต้อย่างรุนแรง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ลงนามในคำสั่งใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อจีน พร้อมกล่าวหาว่าจีนขโมยหรือบีบคั้นเอาเทคโนโลยีของสหรัฐไปใช้
มาตรการนี้เปิดศึกตั้งภาษีด้านการลงทุนมีต่อเนื่องจากที่นายทรัมป์เพิ่งใช้มาตรการตั้งกำแพงภาษีสินค้าประเภทวัสดุโลหะ ที่เชื่อว่าเล็งไล่บี้จีน แต่มีผลลามไปถึงสหภาพยุโรปและแคนาดา พันธมิตรการค้าของสหรัฐด้วย
นายรัช ชาห์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า การลงนามของนายทรัมป์เป็นการประกาศมาตรการตอบโต้จีน หลังรับทราบผลการสืบสวนความพยายามของรัฐบาลจีนในการบิดเบือนตลาดการค้าเพื่อบีบบังคับ และฉกฉวยโอกาสขโมยเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาจากสหรัฐไปใช้
สำหรับผลของการลงนามดังกล่าวจะเพิ่มระเบียบอันเข้มงวดต่อการลงทุนของจีน โดยจะก่อให้เกิดการจัดเก็บภาษีสินค้าจากจีน 1,300 สายการผลิตที่มีมูลค่า 48,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.48 ล้านล้านบาท
ด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีน ออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันควันว่า จะดำเนินมาตรการตอบโต้สหรัฐ และจะไม่ยอมนิ่งเฉยให้สิทธิประโยชน์ของจีนโดนบ่อนทำลาย ซึ่งก่อนหน้านั้นนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนเคยกล่าวเตือนสหรัฐแล้วว่าอย่าได้ใช้อารมณ์ในเรื่องนโยบายการค้าระหว่างประเทศ และควรหลีกเลี่ยงการทำสงครามการค้า
ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ กลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ของสหรัฐยื่นจดหมายถึงประธานาธิบดีทรัมป์ขอให้ทบทวนการใช้มาตรการที่จะก่อให้เกิดการตอบโต้ทางลบที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ และยั่วยุให้เกิดการเอาคืนหรือแก้แค้น แต่เชื่อว่านายทรัมป์ไม่ยอมถอย เพราะหาเสียงไว้แล้วว่าจะแก้ไขภาวะขาดดุลการค้าให้ได้ หลังจากปี 2560 ขาดดุลไปถึง 566,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 17 ล้านล้านบาท