เมื่อวันที่ 23 มี.ค. เดอะการ์เดียนรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ไขปริศนาซากโครงกระดูกที่ถูกทำให้เป็นมัมมี่ มีชื่อว่า อตา ขนาดความยาวกว่า 40 เซนติเมตร ที่ค้นพบในทะเลทราย อตากามา ประเทศชิลี เมื่อ 15 ปีก่อน และมีผู้นำไปประมูลในสเปนได้แล้ว ว่าเป็นเด็กเพศหญิงที่เสียชีวิตทันทีหลังจากลืมตาดูโลก

นักวิทยาศาสตร์สหรัฐ นำโดย แกร์รี โนแลน ศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยา และภูมิคุ้มกันวิทยา จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และทีมงานจากมหาวทิยาลัยแคลิฟอร์เนีย ร่วมกันวิจัยซากโครงกระดูกที่ดูคล้ายกับเอเลี่ยน มีชื่อว่า อตา

Dr Emery Smith

ทางคณะใช้วิธีสกัดดีเอ็นเอมาตรวจสอบ และพบว่าโครงกระดูกนี้อาจจะเป็นของเด็กใกล้คลอด หรือเด็กที่เสียชีวิตทันทีหลังหลอด อีกทั้งยังมีโครงสร้างที่กลายพันธุ์อีกด้วย ส่งผลให้โครงกระดูกนี้มีรูปร่างที่แปลกตาไปจากมนุษย์ปกติ

Dr Emery Smith

อตา มียีนส์ในโครงสร้างดีเอ็นเอกลายพันธุ์อย่างน้อย 7 ตัว ส่งผลให้มีความผิดปกติบริเวณซี่โครง และหัวกะโหลก รวมไปถึงรูปร่างโดยรวม

นอกจากนี้การวิจัยยังค้นพบด้วยว่า อตามีสภาพที่เรียกว่า ไส้เลื่อนกะบังลมแต่กําเนิด (congenital diaphragmatic hernia) ซึ่งส่งผลต่อชีวิตเนื่องจากกะบังลมจะไม่มีการเจริญเติบโต หรือพัฒนาอย่างถูกวิธี ขณะที่ ดีเอ็นเอดังกล่าวมีความคล้ายคลึงกับส่วนประกอบในโครงสร้างดีเอ็นเอกับชาวชิลีทั่วไป

คณะนักวิจัยเชื่อว่า อตาตายมาแล้วกว่า 40 ปี ก่อนมีการค้นพบ ในปี 2546 ด้วยสภาพที่แปลกอย่างมากเนื่องจากรูปร่างที่ดูผิดเพี้ยนจากธรรมชาติ และไม่สามารถที่จะให้อาหารได้

นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้สูงว่า อตา จะเสียชีวิตตั้งแต่ห้องอภิบาลทารกแรกเกิด จากนั้นมีสตรีคนหนึ่งเก็บโครงกระดูกแปลกประหลาดนี้ไว้สำหรับขาย ก่อนพิสูจน์ว่าโครงกระดูกนี้เป็นของมนุษย์

Dr Emery Smith

การค้นพบซากโครงกระดูกมัมมี่น้อยนี้ มีขึ้นในปี 2546 ที่เมืองลา โนรีอา ทางตอนเหนือของชิลี ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองเหมืองแร่ไนเตรต และกลายเป็นเมืองผีที่ไม่มีผู้อยู่อาศัยในภายหลัง ซึ่งผู้ค้นพบเจอซากโครงกระดูกถูกห่อหุ้มอยู่ในผ้าสีขาว ผูกด้วยโบว์สีม่วง และขนาดตัวถึงแม้ว่าจะมีความยาวราว 40 เซนติเมตร แต่โครรงสร้างกระดูกมีส่วนประกอบที่คล้ายกับเด็กอายุ 6-8 ปี แต่มีซี่โครงเพียง 10 คู่เท่านั้นจากปกติที่มนุษย์ทั่วไปจะมี 12 คู่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน