เอพี รายงานว่า กองทัพอิสราเอลแจ้งการโจมตีผู้บัญชาการทหารของฮามาสในพื้นที่ทางใต้ของฉนวนกาซ่า เมื่อวันเสาร์ 13 ก.ค. แต่กลับทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 90 คน รวมถึงเด็กๆ
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล กล่าวว่า ยังไม่แน่นอนร้อยเปอร์เซนต์ ในการโจมตีครั้งนี้ โมฮัมเหม็ด เดอีฟ ผบ.ฮามาส และ ราฟา ซาลามา ผู้บัญชาการฮามาสอีกคนหนึ่ง ถูกสังหารหรือไม่ ขณะที่ฮามาสตอบโต้ว่า ผบ.เดอีฟไม่ได้อยู่ในพื้นที่นั้น
“ข้อกล่าวอ้างเท็จเหล่านี้เป็นเพียงการปกปิดการสังหารหมู่อันน่าสยดสยองครั้งนี้” ฮามาสระบุ
อิสราเอลเชื่อว่าเดอีฟ และ ยาห์ยา ซินวาร์ เป็นผู้วางแผนหลักของการโจมตีเริ่มสงคราม เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งชาวอิสราเอลถูกสังหาร 1,200 ราย มีเหยื่ออีก 250 ถูกจับเป็นตัวประกัน และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นสงคราม
ผบ.เดอีฟไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะมาหลายปีแล้ว นับจากอยู่ในอันดับต้นๆ ของบัญชีดำที่อิสราเอลล่าตัวอยู่ โดยเชื่อว่าเขารอดพ้นจากความพยายามลอบสังหารของอิสราเอลมาหลายครั้ง แต่อาจเป็นอัมพาต
การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความพยายามหยุดยิงยังเปราะบางมาก แต่อิสราเอลหมายมั่นว่า หากเดอีฟตาย จะเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของอิสราเอลและจะทำลายขวัญนักรบฮามาสครั้งใหญ่
เนทันยาฮูกล่าวว่าผู้นำฮามาสทุกคนถูกกำหนดให้ “ต้องตาย” และ “เราจะเข้าถึงพวกเขาทุกคน”
การโจมตีของกองทัพอิสราเอลอยู่ในพื้นที่มูวาซี ซึ่งเป็นเขตปลอดภัยที่อิสราเอลกำหนดไว้เองว่า ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับชาวปาเลสไตน์หลายแสนคน ซึ่งหลบหนีมายังแนวชายฝั่งนี้ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเต็นท์ที่มีบริการและเสบียงพื้นฐานเพียงเล็กน้อย
สงครามนี้ทำให้ชาวปาเลสไตน์มากกว่า 80% ของประชากรของกาซา 2.3 ล้านคนถูกขับไล่ออกจากบ้านของตน ขณะที่การโจมตีเมื่อวันเสาร์กลับคร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดของสงคราม
กระทรวงสาธารณสุขกาซ่ารายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 90 รายและบาดเจ็บอย่างน้อย 300 คน โดยผู้สื่อข่าวของเอพีนับศพได้กว่า 40 ศพที่โรงพยาบาลนัสเซอร์ที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งมีผู้ป่วยล้นมือ พยานเหตุการณ์บรรยายว่าเป็นการโจมตีที่ประกอบด้วยการโจมตีหลายครั้ง
“ยังมีเหยื่อจำนวนหนึ่งติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังและบนถนน และรถพยาบาลและทีมป้องกันพลเรือนไม่สามารถเข้าถึงพวกเขาได้” กระทรวงสาธารณสุขกล่าว
ภาพเหตุการณ์หลังการโจมตีแสดงให้เห็นหลุมขนาดใหญ่ เต็นท์ที่ไหม้เกรียม และรถยนต์ที่ถูกเผา เหยื่อถูกนำส่งบนฝากระโปรงและท้ายรถยนต์ บนรถลากที่ใช้ลา และบนพรม
“เด็กๆ ทั้งหมดเสียชีวิตที่นี่ พวกเราเก็บชิ้นส่วนของพวกเขาด้วยมือเปล่า” ชายชาวปาเลสไตน์คนหนึ่งกล่าว เขาประมาณการว่ามีการยิงขีปนาวุธราว 7-8 ลูก
ความสูญเสียของชาวปาเลสไตน์ครั้งนี้ไม่เพียงเพิ่มพูนความทุกข์ระทมและยอดผู้เสียชีวิตในสงครามมากขึ้นเท่านั้น ยังทำให้การแสวงหาสันติภาพเป็นไปได้ยากเย็นยิ่งขึ้น
เมื่อกลางสัปดาห์ ชาวปาเลสไตน์กลับมาพบกับสภาพเมืองที่พังทลายอย่างน่าตกใจในเขตชิจาอิยาห์ของเมืองกาซา หลังจากกองกำลังอิสราเอลถอนทัพออกไป
เจ้าหน้าที่ป้องกันพลเรือนยังพบศพของผู้เคราะห์ร้าย 60 รายในซากปรักหักพัง
สำหรับครอบครัวที่หนีการโจมตีได้ เสี่ยงกลับเข้าไปในชิจาอิยาห์เพื่อดูสภาพบ้านของตนหรือกู้สิ่งของที่ยังพอกู้ได้
ภาพที่เห็นคือเกือบทุกอาคารถูกถล่มราบเป็นหน้ากลองเป็นช่วงๆ เหลือเพียงกองซากคอนกรีตและเหล็กเส้นบิดเบี้ยวขนาดมหึมา ที่นั่นที่นี่ยังมีโครงคอนกรีตสีเทาที่เหลือแต่ซากยืนสูงอยู่สองสามชั้น เสียงหึ่งๆ ของโดรนทหารอิสราเอลที่มีอยู่ตลอดเวลาลอยอยู่ท่ามกลางอากาศอบอ้าวของฤดูร้อน
ชารีฟ อาบู ชานาบ เป็นคนหนึ่งพบว่าอาคารสี่ชั้นของครอบครัวเขาพังทลายลงมา “ผมเข้าไปไม่ได้ ผมเอาอะไรออกมาไม่ได้เลย แม้แต่กระป๋องทูน่าสักกระป๋อง เราไม่มีอะไรเลย ไม่มีทั้งอาหารและเครื่องดื่ม” เขากล่าว
ชารีฟเล่าว่าตั้งแต่หนีออกจากเขตนี้ ครอบครัวของเขาต้องนอนตามท้องถนน
“เราจะไปที่ไหน ไปหาใคร… เราไม่มีบ้านหรืออะไรเลย มีทางออกเดียวเท่านั้น ขอให้ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่เราและปลดเปลื้องเราจากชีวิตนี้ไปเถอะ” ผู้รอดชีวิตกล่าวอย่างสิ้นหวัง
จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขชายแดนปาเลสไตน์ สงครามอิสราเอล-ฮามาสครั้งนี้ คร่าชีวิตผู้คนในกาซ่าแล้วเกิน 38,400 ราย บาดเจ็บอีกมากกว่า 88,000 คน
________