กีวีย้ายประเทศทุบสถิติ เหตุใหญ่พิษเศรษฐกิจ-พบแห่เข้าออสเตรเลีย
กีวีย้ายประเทศทุบสถิติ – วันที่ 13 ส.ค. รอยเตอร์รายงานว่า ชาวนิวซีแลนด์เดินทางออกจากประเทศเพื่อย้ายถิ่นฐานไปต่างชาติสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวและอัตราการตกลงเพิ่มสูงขึ้น
ข้อมูลดังกล่าวมาจากสำนักงานสถิติของทางการนิวซีแลนด์พบว่า มีชาวนิวซีแลนด์เดินทางออกจากประเทศไปแล้วถึง 131,200 คน ตั้งต้นปีถึงเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา ในจำนวนนี้ 1 ใน 3 พบว่าย้ายไปอาศัยอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ถือเป็นสถิติใหม่ด้านการย้ายประเทศ
แม้ปริมาณผู้ที่ย้ายเข้ามาพำนักในนิวซีแลนด์จะยังสูงกว่าปริมาณผู้ที่ย้ายออกไป แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ปริมาณผู้ที่ย้ายเข้ามาพำนักในนิวซีแลนด์จะลดลงต่อเนื่อง โดยสาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจที่ลดความร้อนแรงลง
ข้อมูลยังพบด้วยว่า ผู้ที่ย้ายออกจากนิวซีแลนด์ข้างต้นเป็นผู้มีสัญชาตินิวซีแลนด์ถึง 80,174 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาดใหญ่ทั่วโลกของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19
นางเมอร์ริลี อัลเลน หนึ่งในชาวนิวซีแลนด์ กล่าว ตนกับบุตรสาวอายุ 14 ปี มีแผนจะย้ายไปอาศัยอยู่ที่รัฐแทสเมเนีย ประเทศออสเตรเลีย ในต้นปีหน้า โดยระบุถึงสาเหตุว่า พื้นที่ดังกล่าวต้องการผู้คนเพิ่มตลอดเวลา มีตำแหน่งงานของตนว่าง (ขายอุปกรณ์ด้านทันตกรรม)
“ดิฉันมีเพื่อนหลายคนที่ย้ายไปออสเตรเลียค่ะ หลักๆ ก็มีโอกาสก้าวหน้าเรื่องหน้าที่การงานที่ดีกว่า คุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ดูโดยรวมแล้วออสฯดีกว่าหมดค่ะ” อัลเลน ระบุ
รายงานระบุว่า ชาวนิวซีแลนด์ย้ายกลับมาพำนักในประเทศสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตามคำเชิญชวนของรัฐบาลช่วงเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 แต่ล่าสุดนั้นเริ่มทยอยย้ายออกอีกครั้ง เพราะไม่พอใจกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่ค่าครองชีพสูง ดอกเบี้ยเงินกู้สูง ตำแหน่งงานว่างน้อย ส่วนใหญ่ออกแสวงหาชีวิตที่ดีกว่าในออสเตรเลียและสหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
ทั้งนี้ ออสเตรเลียมีนโยบายการโยกย้ายถิ่นฐานครบวงจรโดยเฉพาะสำหรับอาชีพที่ขาดแคลน อาทิ พยาบาล ตำรวจ และครูอาจารย์ ขณะที่ชาวนิวซีแลนด์นั้นสามารถเดินทางมาทำงานได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าทำงาน รวมถึงนิวซีแลนด์ที่ประกาศลดขนาดองค์กรภาครัฐทำให้มีแรงงานทักษะสูงต้องออกตระเวนหางานใหม่จำนวนมาก