เอเอฟพีรายงานเมื่อ 9 เม.ย. ถึงความไม่สงบในซีเรียว่า เกิดเหตุยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอากาศเทย์ฟูร์ในจังหวัดฮอมส์ ทางตอนกลางของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย รวมถึงกองกำลังอิหร่านซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของซีเรีย และอีกจำนวนมาก โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) จะประชุมฉุกเฉินกรณีมีรายงานการใช้แก๊สพิษสังหารหมู่ประชาชนมากกว่า 70 รายในเมืองดูมา พื้นที่ยึดครองสุดท้ายของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียในเขตกูตาตะวันออกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยสำนักข่าวซานาระบุในตอนแรกว่าเหตุโจมตีดังกล่าวเป็นฝีมือของกองทัพสหรัฐ แต่ต่อมาลบข้อความกล่าวอ้างถึงสหรัฐทั้งหมด ส่วนกระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือเพนตากอน แถลงปฏิเสธ เช่นเดียวกับกองทัพฝรั่งเศส และกองทัพอิสราเอลซึ่งยืนกรานว่าไม่ได้โจมตี แม้ก่อนหน้านี้อิสราเอลเคยยิงขีปนาวุธโจมตีฐานที่มั่นของกองทัพซีเรียใกล้กรุงดามัสกัสเมื่อเดือนก.พ.ก็ตาม

ทำเนียบขาวสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และผู้นำทั้งสองประเทศปฏิญาณร่วมกันว่าจะตอบโต้อย่างแข็งขันต่อการใช้แก๊สพิษเข่นฆ่าประชาชนในซีเรีย นอกจากนี้นายทรัมป์ยังแถลงผ่านทวิตเตอร์ว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย ต้องรับผิดชอบกับพฤติกรรมการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง “หลายคนต้องตาย ทั้งผู้หญิงและเด็กๆ ในการโจมตีด้วยแก๊สพิษที่ไร้ซึ่งเหตุผล ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน รัสเซีย และอิหร่าน ต้องรับผิดชอบที่สนับสนุนสัตว์ร้ายอย่างอัสซาด พวกเขาต้องชดใช้ครั้งใหญ่”

ขณะที่รัฐบาลซีเรียประณามการกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการใช้แก๊สพิษ กระทรวงต่างประเทศรัสเซียแถลงว่าการรายงานการใช้แก๊สพิษในซีเรียถือเป็นความพยายามยั่วยุให้สถานการณ์ความไม่สงบยิ่งเลวร้าย “การแทรกแซงทางการทหารในซีเรียภายใต้ข้ออ้างที่สร้างขึ้น เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างแน่นอน และจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ร้ายแรงที่สุด”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน