พบศพหนุ่มอังกฤษเอเอฟพี รายงานว่า คณะผู้ผลิตสารคดี “เนชั่นแนล จีโอกราฟิก” เปิดเผยว่าพบร่างมนุษย์บน “ยอดเขาเอเวอเรสต์” และคาดว่าเป็นศพของนักปีนเขาชาวอังกฤษที่หายสาบสูญไปเมื่อ 100 ปีก่อน

รายงานระบุว่าภาวะโลกร้อนทำให้หิมะและน้ำแข็งที่ปกคลุมรอบเทือกเขาหิมาลัยละลายและเผยร่างของบรรดานักปีนเขาที่สูญหายไปขณะไล่ตามความฝันบนยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยร่างที่พบล่าสุดเชื่อมั่นว่าเป็น นายแอนดรูว์ เออร์ไวน์ ชาวอังกฤษที่หายไปเมื่อปี 2467 ขณะมีอายุ 22 ปี

พบศพหนุ่มอังกฤษ “หายสาบสูญ 100 ปี” ลุยพิสูจน์อาจเป็นคนแรกที่พิชิตเอเวอเรสต์

พบศพหนุ่มอังกฤษ – (Left) The sock embroidered with “A.C. Irvine” was found, alongside a boot. (Right) Sandy Irvine was only 22 when he died on Mount Everest. (Jimmy Chin / Royal Geographical Society)

นายเออร์ไวน์เดินทางพร้อมกับนายจอร์จ มัลลอรี เพื่อนนักปีนเขา อายุ 37 ปี โดยทั้งคุ่หายตัวไปตั้งแต่นั้น อย่างไรก็ตาม ศพของมัลลอรีถูกพบก่อนเมื่อปี 2542 แต่ไม่มีใครทราบชะตากรรมของนายเออร์ไวน์ กระทั่งทีมงานเนชั่นแนล จีโอกราฟิก พบรองเท้าบู๊ตที่ยังมีผ้าติดอยู่กับซากเท้าข้างหนึ่งบนยอดธารน้ำแข็งรองบูและเมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบถุงเท้าข้างหนึ่งเย็บป้ายผ้าปักชื่อว่า เอ.อาร์.เออร์ไวน์

การค้นพบครั้งนี้มีทั้งของใช้ส่วนตัวของทีมนักปีนเขา และยังช่วยแก้ไขปริศนาที่ลึกลับมานานว่านายเออร์ไวน์กับนายมัลลอรีเคยไปถึงยอดเขาหรือไม่เพราะจะเป็นการยืนยันได้ว่าทั้ง 2 คนเป็นบุคคลคู่แรกของโลกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ก่อนที่ เซอร์เอ็ดมันด์ ฮิลลารี และ นายเทนซิง นอร์เก จะได้รับการบันทึกไว้ว่าพิชิตยอดเขาสูงที่สุดในโลกได้เกือบ 30 ปี

พบศพหนุ่มอังกฤษ “หายสาบสูญ 100 ปี” ลุยพิสูจน์อาจเป็นคนแรกที่พิชิตเอเวอเรสต์

พบศพหนุ่มอังกฤษ – Jimmy Chin led the small team which made the breakthrough discovery. A documentary team discovered human remains on Mount Everest apparently belonging to a man who went missing while trying to summit the peak 100 years ago, National Geographic magazine reported Friday. Climate change is thinning snow and ice around the Himalayas, increasingly exposing the bodies of mountaineers who died chasing their dream of scaling the world’s highest mountain. (National Geographic/Erich Roepke)

นางจูลี ซัมเมอร์ส หลานสาวของนายเออร์ไวน์ กล่าวว่าการค้นพบนี้บอกเล่าเรื่องราวที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมดและตอนนี้สมาชิกครอบครัวของนายเออร์ไวน์กำลังนำตัวอย่างดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ร่างที่พบบนยอดเขา

นายเออร์ไวน์และนายมัลลอรีหายตัวไปเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2467 โดยมีทีมนักปีนเขาเห็นทั้งคู่เป็นครั้งสุดท้ายช่วงบ่ายของวันดังกล่าว หลังจากเริ่มปีนระยะสุดท้ายก่อนถึงยอดเอเวอเรสต์ในช่วงเช้าซึ่งเชื่อว่านายเออร์ไวน์พกกล้องติดหน้าอกไปด้วยซึ่งการค้นพบนี้อาจทำให้ต้องเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการปีนเขา

พบศพหนุ่มอังกฤษ “หายสาบสูญ 100 ปี” ลุยพิสูจน์อาจเป็นคนแรกที่พิชิตเอเวอเรสต์

A sock embroidered with “A.C. Irvine”, along with a boot, has been discovered on the Central Rongbuk Glacier. Briton Andrew Irvine went missing in 1924 alongside climbing partner George Mallory as the pair attempted to be the first to reach Everest’s summit, 8,848 metres above sea level. Mallory’s body was found in 1999 but clues about Irvine’s fate were elusive until a National Geographic team discovered a boot, still clothing the remains of a foot, on the peak’s Central Rongbuk Glacier. (Jimmy Chin)

ด้าน นายจิมมี ชิน ช่างภาพและผู้กำกับสารคดีเนชั่นแนล จีโอกราฟิก เชื่อว่าการค้นพบศพจะลดพื้นที่ในการค้นหากล้องอีลูซีฟได้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มมีการสำรวจยอดเขาเอเวอเรสต์เมื่อประมาณ 100 ปีก่อน มีนักปีนเขาเสียชีวิตแล้วกว่า 300 ราย บางรายถูกหิมะกลบหรือหายเข้าไปในรอยแยกที่ลึกมาก หลายรายยังสวมอุปกรณ์ปีนเขาที่เห็นเด่นชัดจนกลายเป็นจุดแวะสำคัญระหว่างทาง รวมถึงมีการตั้งชื่อต่างๆ ด้วย เช่น รองเท้าบู๊ตเขียวและเจ้าหญิงนิทรา

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน