คิมให้สัตยาบัน – เอเอฟพี รายงานวันที่ 12 พ.ย. ว่า เกาหลีเหนือให้สัตยาบันในสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือระบุว่าข้อตกลงดังกล่าวได้รับการรับรองเป็นกฤษฎีกาโดย นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ
เกิดขึ้นหลังจากสมาชิกรัฐสภารัสเซียลงมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบให้สัตยาบันในสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกับเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ก่อน และต่อมาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ลงนามบังคับใช้ข้อตกลงร่วมซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความช่วยเหลือระหว่างกันหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเผชิญหน้ากับการรุกราน
ตอกย้ำกระแสข่าวที่ว่าเกาหลีเหนือส่งทหารนับหมื่นนายไปยังรัสเซียเพื่อสนับสนุนกองกำลังรัสเซียในสงครามรุกรานยูเครน แม้รัสเซียและเกาหลีเหนือจะยืนกรานปฏิเสธก็ตาม
วันเดียวกัน บีบีซี รายงานว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่ากองทัพยูเครนเผชิญหน้ากับกำลังทหารรัสเซียราว 50,000 นายขณะปฏิบัติภารกิจรุกคืบแคว้นคูสก์ ทางตะวันตกของรัสเซีย ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนส.ค.ที่ผ่านมา
รายงานจากสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (ไอเอสดับเบิลยู) องค์กรไม่แสวงหากำไรในสหรัฐอเมริกา ระบุว่ารัสเซียมีทหาร 11,000 นายในแคว้นคูสก์ในช่วงที่ยูเครนเริ่มการรุกคืบแบบฉับพลัน
อย่างไรก็ตาม นิวยอร์กไทม์สระบุว่ารัสเซียสามารถเสริมกำลังทหารในคูสก์โดยไม่จำเป็นต้องถอนทหารออกจากยูเครน และว่าทหารจากเกาหลีเหนือกำลังถูกส่งไปประจำการในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย
นายเซเลนสกีเปิดเผยอีกว่าได้รับข้อมูลจาก พล.อ.อเล็กซานเดอร์ ไซร์สกี ผู้บัญชาการสูงสุด ซึ่งตรวจสอบกับกองทัพยูเครนที่ประจำการในแคว้นคูสก์แล้วว่า “ทหารของเราเหนี่ยวรั้งทหาร 50,000 นายของกองทัพในเขตยึดครองซึ่งไม่สามารถประจำการในพื้นที่อื่นๆ ของรัสเซียได้เพราะต้องปฏิบัติการในคูสก์”
ด้านพล.อ.ไซร์สกีกล่าวว่าหากกองทัพยูเครนไม่อยู่ในคูสก์ ศัตรูนับหมื่นนายจากหน่วยจู่โจมที่ดีที่สุดของรัสเซียคงบุกโจมตีตำแหน่งต่างๆ ของยูเครน โดยเฉพาะในแคว้นโดเนตสก์ซึ่งเป็นสมรภูมิสำคัญนับตั้งแต่ความขัดแย้งปะทุขึ้นเมื่อทศวรรษที่ผ่านมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: